ตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้กำลังเจอศึกหนัก จากมาตรการ LTV ของแบงก์ชาติ ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว ฉุดยอดขายตลาดอสังหาริมทรัพย์วูบหนัก แต่ก็ยังมีเซ็กเมนต์ที่เติบโตได้เช่นกัน คือในกลุ่มลักซัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ เพราะเศรษฐีไทยกระเป๋าหนักมีจำนวนไม่น้อย
รุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ปัจจุบันครอบครัวไทยสมัยใหม่มีขนาดเล็กลง จากการแยกที่อยู่อาศัยออกจากครอบครัวใหญ่ แต่การทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล 400 กลุ่มตัวอย่าง พบว่า 70.8% ยังต้องการอยู่อาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับสมาชิกหลายวัย และการอยู่อาศัยแบบครอบครัว 3 รุ่น ทำให้สมาชิกในครัวเรือนมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าครัวเรือนรูปแบบอื่น
อีกทั้งจากการศึกษาข้อมูล พร้อมทั้งจากผลการวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้เห็นเทรนด์สำคัญในระดับโลก (Global Trend) ที่ว่าการที่คนมีปัญหาเรื่องปฏิสัมพันธ์ จากการอาศัยแบบครอบครัวเดี่ยว นำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ทั้งในครอบครัวและสังคม ทำให้คนเรามีความสุขลดน้อยลง จึงเห็นแนวโน้มการอยู่อาศัยกับคนหลายเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจุบันให้กลุ่มเศรษฐีไทยต้องการสร้างที่อยู่อาศัยของคนในครอบครัวอยู่ในบริเวณเดียวกันย่านใจกลางเมือง แต่การซื้อที่ดินขนาด 1 ไร่ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยในยุคนี้ หาได้ยากขึ้น
MQDC จึงเห็นช่องว่างในการทำตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ช่วง 7 ปีที่ผ่านมากลุ่มนี้ยังเติบโตได้ 7% ต่อปี จึงเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ” (MULBERRY GROVE) เป็นที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ เรสซิเดนซ์ แบรนด์แรกของไทย ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวหลายช่วงวัย หรือ “Intergeneration” โฟกัสที่ 3 เจน คือ ปู่ย่าตายาย, พ่อแม่ และลูก
ปีนี้เปิด 3 โครงการเกือบ 2 หมื่นล้าน
ปี 2562 แบรนด์มัลเบอร์รี่ โกรฟ เตรียมเปิดตัวที่อยู่อาศัยแบบ “มัลติแพลตฟอร์ม” ทั้งคอนโดมิเนียมและ Cluster Villa รวม 3 โครงการ มูลค่า 19,900 ล้านบาท บนที่ดินฟรีโฮลด์
โครงการแรกเปิดตัวไตรมาส 3 เป็นคอนโดมิเนียม ไฮไรส์ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท” มูลค่าโครงการ 5,000-6,000 ล้านบาท อยู่ติดริมถนนห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เอกมัย 250 เมตร บนที่ดิน 2 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นบ้านและตึกแถว โดยก่อสร้างเป็นอาคารสูง 37 ชั้น 286 ยูนิต ราคา 2.5-3 แสนบาทต่อ ตร.ม. ใกล้เคียงกับราคาซูเปอร์ลักชัวรี่คอนโดในย่านดังกล่าว ขนาดห้องเริ่มต้น 50 ตร.ม. ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อพื้นที่ส่วนกลางระหว่างห้อง รองรับการอยู่อาศัยของหลายครอบครัว หลายเจน
“ดีมานด์คอนโดลักชัวรี่ในย่าน อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ยังดีอยู่ ขนาดห้องที่ขายดีคือใหญ่สุด”
อีก 2 โครงการอยู่ในโปรเจกต์มิกซ์ยูส เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) โครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่เนื้อที่ 300 ไร่ มูลค่าแสนล้านบาท ริมถนนบางนา-ตราด ช่วง กม.5 – 7 แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ จำนวน 37 ยูนิต เป็นบ้านซูเปอร์ลักชัวรี่ แบบ Cluster Villa 3 ชั้น มีพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อกัน ราคาเริ่มต้น 100-200 ล้านบาท และอีก 1 โครงการจะเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จำนวน 283 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ทั้ง 2 โครงการมูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท
ไม่ยึดทำเล แต่พื้นที่ตอบโจทย์ 3 เจน
โจทย์การเลือกทำเลสำหรับแบรนด์ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ” ที่อยู่อาศัยตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ไม่ได้มองว่าต้องเป็นย่านกลางเมือง หรือซีบีดี แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่มีองค์ประกอบตอบโจทย์การใช้ชีวิตของ “3 เจนเนอเรชั่น” คือ ปู่ย่าตายาย ทำเลต้องอยู่ใกล้โรงพยาบาล สวนสาธารณะ, พ่อแม่ ต้องสะดวกในการเดินทาง คืออยู่ใกล้ทางด่วน หรือรถไฟฟ้า และลูก ต้องอยู่ใกล้โรงเรียน
จะเห็นได้ว่าโครงการแรก “มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท” ย่านเอกมัย เป็นทำเลที่มีครบองค์ประกอบ คืออยู่ใกล้โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส และรถไฟฟ้าบีทีเอส เช่นเดียวกับอีก 2 โครงการใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็นเมืองสำหรับการอยู่อาศัยที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบทุกอย่าง
“การขยายแบรนด์ มัลเบอร์รี่ โกรฟ ในทำเลต่างๆ ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทั้ง 3 เจน หากไม่ครบองค์ประกอบก็จะไม่ไปในทำเลนั้น ปีหน้าวางแผนเปิดอีก 2 โครงการ”