ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ส่งผลกระทบไปทุกธุรกิจ แม้แต่ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ “Samsung Electronics” ที่ออกรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน มีแนวโน้มลงลงมากกว่าครึ่งจากราคาและความต้องการของ “ชิปหน่วยความจำ” ซึ่งเป็นธุรกิจหลักลดลงอย่างต่อเนื่อง
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและผู้จัดจำหน่ายชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวว่า กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านวอนเกาหลี (5.5 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ 6 ล้านล้านวอน แต่ตัวเลขนี้ลดลงประมาณ 56% จากปีก่อน
Samsung ระบุว่าผลกำไรหลักมาจากธุรกิจจอแสดงผล ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักข่าว Reuters มีรายงานว่า ยักษ์ใหญ่ของสมาร์ทโฟนได้รับเงินชดเชยประมาณ 800 พันล้านวอน สำหรับแผงหน้าจอที่ขายให้กับ Apple เนื่องจากผู้ผลิต iPhone ลดกำลังผลิตลงจนไม่สามารถสั่งซื้อจอตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
มีนักวิเคราะห์ได้กล่าวกับ CNBC ระบุว่า หากเจาะลึกเข้าไปในธุรกิจจะพบว่า นอกเหนือจากธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ เชื่อว่าประสิทธิภาพของธุรกิจสมาร์ทโฟนนั้นแย่กว่าที่คาดไว้
ขณะนี้ภาคเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด กำลังอยู่ในช่วงของการปรับสต็อกซึ่งทำให้ความต้องการลดลง และมีสินค้าเหลืออยู่พอสมควร มีนักวิเคราะห์บางคนประเมินว่า จะมีสินค้าคงเหลือส่วนเกินอย่างต่อเนื่องทั้งในชิปหน่วยความจำ DRAM ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์โทรศัพท์และแท็บเล็ตสามารถใช้งานหลายแอปพลิเคชั่นได้พร้อมกัน และ NAND ทำหน้าที่เป็นที่เก็บข้อมูลหลัก
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขที่ประเมินออกมาว่า กำไรจะลดลง 56% จากปีก่อนจะถือเป็นไตรมาสที่ 2 แล้วที่กำไรลดลง 2 ไตรมาสติดกันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2019 (มกราคม – มีนาคม) กำไรของ Samsung ลดลงประมาณ 60% เหลือ 6.2 ล้านล้านวอนเกาหลี (5.3 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ทั้งนั้นมีการประเมินเมินธุรกิจของ Samsung จะสามารถฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยจะมีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Apple ออกมา โดยคาดว่ารายได้ของบริษัทจะฟื้นตัวได้ 18%.
