เตรียมเผาจริง! อีก 3 ปี 25% ครัวเรือนอเมริกันจะเลิกดูทีวี จากปีนี้ที่เลิกดูไปแล้ว 19%

เปิดสถิติตอกย้ำ “traditional TV” กำลังลาจากโลกไป โดยเฉพาะในตลาดอเมริกันที่พบว่าเกือบ 25% ของครัวเรือนอเมริกันจะเลิกชมทีวีแบบดั้งเดิมภายในปี 2022 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่เลิกชมไปแล้ว 19% สถานการณ์นี้ไม่ได้แปลว่าคนทีวี” จะตายตามไปด้วย เพราะส่วนใหญ่หาทางรอดได้ในยุคดิจิทัล

ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันเลิกชมรายการทีวีผ่านสายเคเบิลมากขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรม Cord cutting ที่หลายคนรู้จักกันดี การสำรวจล่าสุดของบริษัทวิจัย eMarketer พบว่าเทรนด์ Cord cutting ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และจะหนักข้อขึ้นจนทำให้ครัวเรือนอเมริกันราว 1 ใน 4 เลิกชมทีวีผ่านสายเคเบิลภายในปี 2022

การเลิกชมที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้ที่พลเมืองชาว Cord cutting คิดเป็นประมาณ 19% ของครัวเรือนอเมริกัน ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้อุตสาหกรรมทีวีเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในแง่ของโมเดลธุรกิจและการหากำไรจากผู้ชม

ตายเพราะหลายปัจจัย

Eric Haggstrom นักวิเคราะห์ของ eMarketer อธิบายสถานการณ์ธุรกิจทีวีในสหรัฐฯ ว่าในขณะที่ต้นทุนการสร้างโปรแกรมรายการทีวียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ให้บริการทีวีเคเบิล ทีวีดาวเทียม และกลุ่มเทลโคหลายรายเริ่มพบว่าการทำกำไรจากบริการสมัครสมาชิกรับชมทีวีนั้นเป็นเรื่องยากขึ้น ทางออกที่คนกลุ่มนี้เลือกจึงเป็นการขยับขึ้นราคา ทำให้หลายค่ายสูญเสียผู้ชมไปโดยไม่อาจรักษาลูกค้าไว้ เพราะข้อเสนอไม่คุ้มค่าโดนใจพอ

การสำรวจพบว่าในปีนี้ ประมาณ 19% ของครัวเรือนอเมริกันเลิกบอกรับเป็นสมาชิกเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียมดั้งเดิม แล้วเทไปหาบริการทางเลือก เช่น Netflix, Hulu และ Amazon Prime ซึ่งนำเสนอเนื้อหาจำนวนมากในราคาที่ต่ำกว่า ถือเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้สมาชิกทีวีลดลงชัดเจน

Haggstrom เสริมว่าทันทีที่การรับชมและจำนวนครัวเรือนที่เป็นสมาชิกบริการทีวีลดลง เครือข่ายทีวีจะต้องขายโฆษณาในราคาที่สูงขึ้นเพื่อรองรับการสูญเสียฐานสมาชิกไป สถานการณ์นี้ทำให้ทุกอย่างยากขึ้นต่อเนื่อง ผลคือเครือข่ายทีวีแบบดั้งเดิมเช่น Disney และ NBCU หันมาลุยธุรกิจดิจิทัลโดยตรงถึงผู้บริโภค (direct-to-consumer digital offering) เพื่อชดเชยกับฐานผู้ชมที่หายไป

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ได้แปลว่าผู้ให้บริการโทรทัศน์จะล้มหายตายไป เพราะ Haggstrom ตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียมหลายรายยังให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงคู่ไปกับการพ่วงดีลแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งหากไม่มีการพ่วงบริการทีวี บริษัทเหล่านี้สามารถชาร์จเงินจากลูกค้าในราคาที่สูงขึ้นเป็นค่าอินเทอร์เน็ต และปรับปรุงกำไรของตัวเองได้

ฟังแล้วคุ้นตา เพราะมองคล้ายกับโมเดลที่แบรนด์ไทยอย่าง True Visions ทำอยู่.

Source