ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาตรการทางภาษีที่ช่วยให้อุปกรณ์บางอย่างที่ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่นมีราคาถูกลง เป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ช่วยให้แคมรี่ ไฮบริด มีราคาเริ่มต้นเพียง 1,590,000 บาท เท่านั้น ซึ่งต่างกันเพียงแสนเดียวถ้าเทียบกับแคมรี่ธรรมดารุ่นท็อป แต่การจูงใจด้วยราคาเพียงอย่างเดียว ไม่ช่วยสร้างมูลค่าทางด้านภาพลักษณ์ให้เกิดขึ้นในสายตาของผู้บริโภคได้มากนัก
การตลาด จึงทำหน้าที่ผลักดันแคมรี่ ไฮบริด ในฐานะรถยนต์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์หัวใจสีเขียวให้กับผู้ขับขี่
วิเชียร เอมประเสริฐสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บอกว่า ตำแหน่งทางการตลาดของแคมรี่ ไฮบริด ไม่ได้เพียงแค่เป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันกว่า 30% เท่านั้น แต่ยังได้วางให้เป็นรถที่เหมาะสมกับรสนิยมของผู้ใช้ที่ต้องการความหรูหรา นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ไปพร้อมๆ กับความอยากที่จะรับผิดชอบต่อสังคม
ภาพลักษณ์ของแคมรี่ ไฮบริดที่วางไว้ จึงเหมาะสมกับผู้บริหารระดับกลางจนถึงบน ที่อาจเพิ่มแคมรี่ ไฮบริดเข้าไปเป็นหนึ่งใน Fleet ที่เวลาขับเจ้าของจะเกิดความภาคภูมิใจในการใช้พลังงานสีเขียว และมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม
“ธรรมดา รุ่นทั่วไปกับไฮบริด ราคาต่างกันหลายแสนบาท แต่ด้วยประโยชน์จากภาษี ช่วยทำให้ราคาต่างกันไม่เกินแสน เมื่อประกอบกับกลยุทธ์การตลาดที่ต้องคิดหลายๆ มิติมาประกอบกัน ส่งผลให้แคมรี่ ไฮบริด ประสบความสำเร็จอย่างมาก”
การตลาดหลายมิติที่วิเชียรหมายถึง นอกเหนือจากการโฆษณาผ่านฟรีทีวี ที่ในช่วงแรกแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรถยนต์ไฮบริดไปพร้อมๆ กับกระแสอนุรักษ์ ยังบุกหนักในช่องทาง Below the line โดยร่วมมือกับกรุงเทพธุรกิจ จัดสัมมนาในจังหวัดสำคัญๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฮบริด และพลังงานสีเขียว โดยมีข้าราชการ นักวิชาการ และนักธุรกิจ เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ
อย่างไรก็ตาม กิจกรรม Below the line ไม่ได้หยุดอยู่แค่งานสัมมนาเท่านั้น โตโยต้างัดกลยุทธ์แนวใหม่ในการสร้างภาพลักษณ์และชี้ชัดถึงตำแหน่งทางการตลาดที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น เมื่อช่วงจัดประชุม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา ทางโตโยต้ายังได้มอบรถยนต์ “คัมรี่ ไฮบริด” จำนวน 22 คัน เพื่อรองรับรัฐมนตรีอาเซียนและคู่เจรจรา โดยใช้เป็นรถรับส่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจและผู้นำระดังสูงของทั้ง 16 ประเทศตลอดการประชุม
หรือแม้กระทั่งการประมูลรถประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 76 คัน ซึ่งคัมรี่ ไฮบริด เป็นผู้ชนะประมูล รวมทั้งการจัดเทสต์ไดรฟ์ในเมือง เพื่อทดสอบถึงความประหยัดน้ำมัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ถนนสีลม บริเวณดุสิตธานี ก่อนจะขับฝ่าเมืองไปสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิท
วิเชียร บอกว่า ทั้งหมดล้วนเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์และตำแหน่งทางการของคัมรี่ ไฮบริด ให้ชัดเจนมากขึ้น และหลีกหนีความคลุมเครือจากคัมรี่ ธรรมดา
กลยุทธ์การตลาดคัมรี่ ไฮบริด
5 ใช้ประโยชน์ทางภาษีด้วยการตั้งราคาขายที่แตกต่างจากคัมรี่ ทั่วไปเพียงหนึ่งแสนบาท
6 เสริมภาพลักษณ์และตำแหน่งทางการตลาดให้ชัด ผ่านการมอบรถเพื่อรองรับรัฐมนตรีอาเซียนและคู่เจรจรา และการประมูลรถประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
7 จัดสัมมนาทั่วประเทศ เพื่อให้ความรู้เรื่องไฮบริดกับกลุ่มเป้าหมาย
8 ดึงผู้บริหารรุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา เพื่อตอกย้ำตำแหน่งทางการตลาด