“เสาร์ 5 มาแรง แรงเยอร์ขอเกิดใหม่

แม้อากาศที่ด่านขุดทดจะร้อนระอุ แต่คลื่นมหาชนนับพันต่างหลั่งไหลมายังวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา กันอย่างคับคั่งเป็นพิเศษในวันมหามงคลสุดแรงที่เรียกว่า “เสาร์ 5” หรือวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งล่าสุดตรงกับวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 นับเป็นฤกษ์มหามงคล 100 ปีมีครั้งเดียว ตามตำราโหราศาสตร์แล้วถือว่าเป็นวันแรงที่เหมาะแก่การปลุกเสกเครื่องรางของขลังและคาถาอาคมต่างๆ

หลวงพ่อคูณในวัย 87 ปี ยังคงต้อนรับศิษยานุศิษย์จากทั่วประเทศซึ่งเดินทางมานมัสการ รวมถึงเพื่อฝัง “ตะกรุด” ทองคำ ซึ่งว่ากันว่าจะทำให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติต่างๆ ยิ่งมาฝังในวันเสาร์ 5 ยิ่งเชื่อกันว่าจะยิ่งศักดิ์สิทธิ์แม้บางรายจะต้องรอคิวนานมากกว่าครึ่งวันก็ตาม

เสาร์ 5 ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือการตลาดของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง “แรงเยอร์” แจ้งเกิดอีกรอบ ด้วยการเลือกวันแรงวันแข็งนี้เป็นฤกษ์ในการปลุกเสกเสื้อยืดโดยหลวงพ่อคูณ เกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ และสิ่งของที่หลวงพ่อคูณปลุกเสกล้วนได้รับความเลื่อมใสและมีคุณค่าทางจิตใจต่อผู้นับถือในระดับสูง

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธ์กับร้านค้า ผ่านเสื้อยืดจำนวน 20,000 ตัว ซึ่งมี 3 เวอร์ชั่น ด้านหน้าสกรีนคำอวยพรของหลวงพ่อคูณว่า “กูให้มึงรวย” “กูให้มึงมีแรง” และ “กูให้มึงปลอดภัย” ขณะที่ด้านหลังเป็นโลโก้แรงเยอร์ และบริเวณแขนเป็น Tagline เด็ด “แรงใจไม่มีวันหมด”

“ผู้บริโภคจดจำ Tagline ได้แม่น แม้หลายคนจะลืมแบรนด์แรงเยอร์ไปแล้ว นี่จึงเป็นทรัพย์สินที่แข็งแกร่งมาก เราจึงนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่” ส่องสกุล สมิตะเกษตริน Senior Brand Manager บอก

นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีการออกบูธผลิตภัณฑ์กลุ่มNon-alcoholของไทยเบฟฯ เพื่อแจกให้คนที่มาร่วมงานได้ดื่มฟรี ทั้งน้ำดื่มช้าง กาแฟกระป๋องแบล็คอัพ เครื่องดื่มเพาเวอร์ พลัส และแรงเยอร์ ถือเป็นการสร้างการรับรู้กับกลุ่มเป้าหมายไปในคราวเดียวกันด้วย

แม้แคมเปญการตลาดครั้งนี้จะไม่ได้มีมูลค่ามากมาย เพราะหากคิดมูลค่าของเสื้อยืดธรรมดาๆ จำนวน 20,000 ตัวนั้น ก็ไม่ได้มากมายนัก แต่เธอเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดี

“เชื่อว่าใครได้ไปก็มีความสุข ถึงเสื้อจะมีราคาตัวละไม่กี่บาท แต่คุณค่าทางใจประเมินไม่ได้ และหากแจกหมดแล้วก็หมดเลย ไม่อยากให้โดนมองว่าเป็นพุทธพาณิชย์ แต่เป็นมิตรจิต มิตรใจที่เราให้กับร้านค้าเพื่อความเป็นสิริมงคลมากกว่า”

ดังนั้นการแจกเสื้อยืดของแรงเยอร์ให้กับร้านค้าต่างๆ จึงไม่ใช่แค่ของพรีเมียมธรรมดาๆ เพราะหากแค่คำว่า “เสื้อยืด” คงไม่มีใครมองเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะใครๆ ก็ทำกัน แต่เมื่อเติมคำว่า ปลุกเสกโดยหลวงพ่อคูณเข้าไปมูลค่าก็เพิ่มขึ้นทันทีและกลายเป็นของหายากที่สร้างความรู้สึกพิเศษแก่ผู้ครอบครอง และนั่นเท่ากับว่าแรงเยอร์ได้ใจคู่ค้าไปโดยปริยาย และแน่นอนว่าช่องทางจำหน่ายของแรงเยอร์จะแข็งแกร่งและเหนียวแน่นขึ้นด้วย

โดยการตลาดเอาใจคู่ค้าเช่นนี้ นับว่าเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของคนไทยที่ชื่นชอบการทำบุญ และนิยมการบูชาเครื่องลางของขลัง ซึ่งก่อนหน้านี้แรงเยอร์เคยปลุกเสกเสื้อยืดมาแล้วจำนวน 100,000 ตัว โดยหลวงพ่อคูณเช่นกัน และแจกเป็นของพรีเมียมให้กับผู ้บริโภค แต่ครั้งนี้แจกให้กับเอเย่นต์และร้านค้าต่างๆ ที่จำหน่ายแรงเยอร์ รวมถึงร้านค้าที่คาดว่าในอนาคตจะจำหน่ายแรงเยอร์ ซึ่งฝ่ายขายจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ในการสมนาคุณ จากจำนวนร้านค้าทั้งหมด 200,000 ราย

ต้องรอดูว่าอภินิหารมาร์เก็ตติ้ง เพราะ Key Player ล้วนแข็งแกร่งและทำตลาดอย่างเต็มที่ ภายใน 5 ปี จะอยู่ในอันดับ 3 ให้ได้ โดยไม่สนใจการใช้พรีเซ็นเตอร์เหมือนกับคาราบาวแดงคู่ชกที่มีบุคลิกแบบ “บ้านๆ” ใกล้เคียงกันที่สุด ที่ใช้ แอ๊ด คาราบาว เป็นพรีเซ็นเตอร์มาอย่างยาวนาน

“ของดีไม่ต้องพึ่งพรีเซ็นเตอร์” ส่องสกุลบอกสั้นๆ

ดังนั้นหากต้องการขึ้นเป็นที่ 3 หมายความว่าอย่างน้อยๆ แรงเยอร์จะต้องมีส่วนแบ่งการตลาด 10% ถึงจะคว่ำคาราวแดงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการทำตลาดเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา แรงเยอร์เคยสร้างผลงานไว้ดีด้วยส่วนแบ่งการตลาด 10% มาแล้ว

ขณะที่ในอนาคตจะเห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นด้วย Sub brand ซึ่งทางแรงเยอร์เองเชื่อว่าทุกค่ายต่างมี Sub brand ในใจอยู่แล้ว และเตรียมพร้อมที่จะหยิบมาลงเล่นเมื่อสถานการณ์เหมาะสม เช่นเดียวกับแรงเยอร์

นอกจากนี้ยังใช้ Sport Marketing เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มคนใช้แรงงานทั่วประเทศด้วยการจัดแข่งขันชกมวย ซึ่งเป็นงานประจำปีที่แรงเยอร์จัดขึ้นที่วัดบ้านไร่ เพื่อเป็นการทำบุญให้กับหลวงพ่อคูณด้วย

ก่อนหน้านี้ “นมตรามะลิ” เคยใช้กลยุทธ์เชิงศรัทธาปาฎิหาริย์เขย่าตลาดนมหวานและครีมเทียมข้นหวานมูลค่า 3,000 ล้านบาทมาแล้ว โดยเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา ได้มีการปลุกเสกรถเข็นกาแฟและโรตีจำนวนกว่า 5,000 คัน ด้วยคาถามหาลาภของหลวงพ่อรวย ปาสาทิโก เกจิอาจารย์ชื่อดังจากวัดพระตะโก จ.พระนครศรีอยุธยา

ซึ่งเป็นผลมาจากการหยิบยกเอา Consumer Insight ของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มคนรากหญ้าหาเช้ากินค่ำ ซึ่งต้องการที่พึ่งทางใจในการทำมาหากิน ไม่ต่างจากกลุ่มเป้าหมายของแรงเยอร์

อันที่จริงศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธาเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อว่ามีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจมายาวนาน เป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติ ที่ต้องมีการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือดูฤกษ์ดูงามก่อนเปิดตัวสินค้าหรือเปิดตัวธุรกิจอยู่เสมอ เพียงแต่ส่วนใหญ่จะทำเป็นการภายใน ไม่ได้เอิกเกริก ทำเป็นกิจกรรมใหญ่ เชิญสื่อมวลชนเช่นนี้

การหยิบยกเอาเรื่องราวของความเชื่อต่างๆ มาเป็นกิมมิคเพื่อสร้างความสนใจให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เป็นการประกาศศักดาไปยังคู่แข่งกลายๆ ว่าตนเองมี “ของดี” จะยังคงมีอยู่ตราบใดที่สังคมไทยยังเป็นสังคมที่ยึดมั่นกับอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ต่างๆ อยู่เช่นนี้ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมืองที่ประหัตประหารกันด้วยคุณไสยอันน่ารังเกียจที่ล้วนให้ผลเชิงลบ

มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง 15,000 ล้านบาท เติบโต 3%
M-150 50%
กระทิงแดง 20%
คาราบาวแดง 10%
แรงเยอร์ 3%
อื่นๆ 7%