ลดคนอีกราย! Daimler บริษัทแม่ Mercedes-Benz ประกาศ “เลย์ออฟ” พนักงาน 10,000 ตำแหน่ง

Daimler บริษัทแม่ของรถยนต์ Mercedes-Benz เตรียมเลย์ออฟพนักงาน 10,000 ตำแหน่งจากฐานผลิตทั่วโลก นับเป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศลดคน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในอุตสาหกรรมเพื่อมุ่งไปสู่ทิศทางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EVs)

โดยบริษัทแถลงเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2019 ว่า บริษัทมีความจำเป็นต้องลดต้นทุนพนักงานเพื่อใช้ในการพัฒนาพาหนะพลังงานสะอาด และต้องการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน นวัตกรรม และความแข็งแรงด้านการลงทุน

“อุตสาหกรรมยานยนต์ขณะนี้อยู่ท่ามกลางการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” เป็นคำกล่าวในแถลงการณ์จาก Daimler

Wilfried Porth หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของ Daimler เปิดเผยว่า ตัวเลขการลดพนักงานจะเป็นตัวเลขห้าหลัก (นั่นคืออย่างน้อย 10,000 คน) ในจำนวนนั้นรวมถึงตำแหน่งระดับบริหารที่จะลดลงไป 10%

ปัจจุบันบริษัท Daimler มีการจ้างงาน 3 แสนตำแหน่งทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่เกือบ 60% เป็นพนักงานที่ทำงานในเยอรมนี การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้บริษัทลดต้นทุนได้ 1.4 พันล้านยูโรภายในปี 2022

Daimler-เลย์ออฟ
(photo: pixabay.com)

กระแสการปรับโมเดลธุรกิจของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะต่างต้องการปรับตัวให้ทันกับโลกยุคใหม่เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือแก๊ส โครงสร้างของรถยนต์ไฟฟ้านั้นใช้ชิ้นส่วนยานยนต์น้อยกว่าเครื่องยนต์ใช้น้ำมัน ทำให้ใช้พนักงานประกอบน้อยกว่า แต่ในทางกลับกัน ต้องใช้ทุนจำนวนมากเพื่อพัฒนาจนรถ EVs มีประสิทธิภาพ

ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์ Audi เจ้าของรถแบรนด์ Volkswagen เพิ่งประกาศในสัปดาห์นี้ว่าบริษัทกำลังจะลดพนักงานลง 9,500 คนภายในปี 2025 คิดเป็นประมาณ 10% ของจำนวนพนักงานบริษัททั่วโลก และจะทำให้ Audi ลดต้นทุนได้ราว 6 พันล้านยูโรภายในระยะ 10 ปี ในขณะเดียวกัน บริษัทจะจ้างงาน 2,000 ตำแหน่งเพื่อมุ่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะ

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 บริษัท Ford ประกาศเช่นกันว่าจะลดพนักงานหลักพันคน เน้นไปที่พนักงานส่วนออฟฟิศทั่วโลก ก่อนที่ 1 เดือนต่อมาจะออกข่าวลดพนักงานเพิ่มอีก 12,000 ตำแหน่ง ครั้งนี้เกิดจากปัญหาธุรกิจชะลอตัวในทวีปยุโรป

Nissan ค่ายรถญี่ปุ่นก็เช่นกัน ประกาศในเดือนกรกฎาคมปีนี้ว่า บริษัทเตรียมลดจำนวนแรงงานทั่วโลกลงราว 12,500 ตำแหน่ง

การปรับตัวไปสู่เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นพร้อมๆ กับสภาวะยอดขายรถยนต์ตกต่ำซึ่งมีแนวโน้มย่ำแย่ลงอีกท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก โดย Fitch Ratings เพิ่งประกาศการคาดการณ์เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกอาจร่วงลงเหลือ 3.1 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งเป็นยอดขายที่ต่ำลงยิ่งกว่าเมื่อครั้งวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 เสียอีก

หากเจาะไปที่ตลาดหลักของอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างอังกฤษและอินเดีย จะเห็นได้ว่าทั้งสองตลาดมีปัญหาเชิงเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้ ยกตัวอย่างในอังกฤษ เนื่องจากปัญหาความไม่แน่นอนของ Brexit ฉุดให้รถยนต์ยอดขายลดลงและมีการผลิตลดลง 16 เดือนในรอบ 17 เดือนที่ผ่านมา

ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้บางบริษัทหันไปจับมือกับพันธมิตรเพื่อความแข็งแกร่ง อย่าง Fiat Chrysler กับ PSA Group เจ้าของรถแบรนด์ Peugeot ประกาศวางแผนควบรวมกิจการกันเมื่อเดือนก่อน แม้แต่ Daimler เองก็ต้องร่วมมือกับคู่แข่งสัญชาติเดียวกันคือ BMW จัดตั้งบริษัทจอยต์เวนเจอร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ฟากค่ายรถญี่ปุ่น Honda มีการลงทุนในหน่วยงานพัฒนารถขับเคลื่อนอัตโนมัติของ General Motors (GM)

Source