เสียวหมี่ (Xiaomi) ประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ พร้อมเตรียมผลักดันสินค้าในกลุ่มอีโคซิสเตมส์ (Mi Ecosystem) ในกลุ่มอุปกรณ์ IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติม หลังเห็นแนวโน้มผู้ใช้มากขึ้น
สตีเว่น ฉือ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ ถือว่าประสบความสำเร็จในการทำตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันรายได้ของเสียวหมี่เกินครึ่งมาจากนอกประเทศ
“ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตมากที่สุดของเสียวหมี่ ทั้งการทำตลาดสมาร์ทโฟน และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอีโคซิสเตมส์ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีประชากรกว่า 69 ล้านคน โดยในจำนวนนี้กว่า 51 ล้านรายมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อเนื่อง”
ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตลาดที่เข้าถึงเทคโนโลยีได้มาก และยังเป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินทางมือถือสูงมาก ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาคือศักยภาพที่เสียวหมี่มองเห็น
โดยหลังจากการย้ายสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย ทางเสียวหมี่ มีแผนเพิ่มช่องทางร้านค้า Mi Store และช่องทางค้าปลีกให้มากขึ้น เพื่อขยายการบริการหลังการขายและได้มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
เช่นเดียวกับการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโต ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะการนำอุปกรณ์ในกลุ่มอีโคซิสเตมส์ ที่เป็น IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น
ล่าสุดเสียวหมี่ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 16,990 บาท