อนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งหลักสูตรปั้นดีเวลอปเปอร์ The NEXT Real เชื่อมรสุมธุรกิจอสังหาฯ ขาลงจะยังมีต่อเนื่องไปอีก 2 ปี ระหว่างนี้แนะเปิดโครงการอย่างระมัดระวัง ใช้โอกาสตลาดชะลอตัวจัดภายในองค์กรตนเองให้แข็งแรง
เวทีเสวนาเปิดหลักสูตรปั้นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ The NEXT Real รุ่น 9 และ 10 ซึ่งก่อตั้งโดย อนันต์ อัศวโภคิน นานทีปีหนที่พี่ใหญ่วงการอสังหาฯ แห่ง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จะปรากฏตัวต่อสื่อ โดยเขาคาดการณ์สภาวะตลาดอสังหาฯ ไทยขณะนี้ไว้ว่า น่าจะอยู่ในช่วงขาลงไปอีก 2 ปี โดยอาจเริ่มเข้าสู่จุดต่ำสุดภายในปีนี้
“ภาพรวมไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แนวราบพอไปได้อยู่ แต่ถ้าเป็นคอนโดมิเนียมไม่ดีเท่าไหร่โดยเฉพาะคอนโดฯ ตลาดบน หนี้ครัวเรือนสูงมากแต่ผมเชื่อว่าที่อยู่อาศัยนั้นมีความต้องการอยู่ตลอดเวลา ถ้าเข้าถูกตลาดก็จะขายได้” อนันต์กล่าว “ช่วงนี้เหมือนเข็มนาฬิกาอยู่ที่ 5 โมงเย็น รอพระอาทิตย์ขึ้นอีกรอบอยู่”
อนันต์ยังมองภาพในแง่ดีว่า แม้กำลังซื้อลูกค้าจะฝืด แต่ปีนี้มี ปัจจัยบวก คือ อัตราดอกเบี้ยต่ำ ราคาที่ดินเริ่มเติบโตช้าลงหรือราคาลดลงในบางทำเล และค่าก่อสร้างทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นไม่มาก เหล่านี้ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการลดลง
ส่วนปัจจัยลบคือสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ปัญหาภัยแล้งที่ส่อแวววิกฤตรุนแรง และความเคลื่อนไหวทางการเมือง อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจของลูกค้า ทำให้ไม่กล้าตัดสินใจซื้อ
เมื่อตลาดไม่ดี อนันต์จึงไม่แนะนำให้ผู้ประกอบการฝืนเปิดขายโครงการจำนวนมาก เพราะแม้จะทำราคาหรืออัดโปรโมชันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย แนะนำให้ใช้โอกาสตลาดชะลอตัวกลับมาดูแลการจัดการภายในองค์กร โดยตัดค่าใช้จ่ายกลุ่มค่าโสหุ้ย (overhead) เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าใช้จ่ายทางการตลาด ให้เหลือไม่เกิน 15%
รวมถึงการจัดระบบทีมงานให้ทำงานเป็นทีม และแบ่งปันองค์ความรู้โดยเฉพาะ “ข้อผิดพลาดและวิธีแก้ปัญหา” ภายในบริษัท เพื่อสร้างบรรยากาศให้พนักงานเติบโตไปด้วยกัน ลดอัตราการลาออก ยกตัวอย่างแลนด์ แอนด์ เฮาส์ สามารถลดอัตราการลาออกจากในอดีต 20% เหลือ 12-15% ในปัจจุบัน
นอกจากอนันต์ อัศวโภคินแล้ว ยังมีศิษย์เก่าโครงการ The NEXT Real อีก 4 รายร่วมเสวนาบนเวที ให้คำแนะนำการปรับตัวในช่วงอสังหาฯ ขาลงแก่ผู้ประกอบการ ซึ่ง Positioning ขอสรุปเป็นข้อๆ จากแต่ละราย ดังนี้
“วัฒนพล ผลชีวิน” ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท มณีรินทร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (อสังหาฯ ภาคตะวันออก)
1.ขยายโครงการในทำเลที่ตนเองถนัด มีประสบการณ์
2.เลือกพัฒนาโครงการขนาดไม่ใหญ่เกินไป สามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายใน 2-3 ปี
3.เปิดขายในราคาเหมาะกับกำลังซื้อระดับกลาง สำหรับมณีรินทร์เลือกขายบ้านราคา 2-4 ล้านบาท
4.บริหารสต๊อกบ้านสร้างเสร็จให้เหมาะสม ไม่เร่งสร้างมากเกินไป
5.สกรีนความสามารถในการกู้สินเชื่อของลูกค้าก่อนทำสัญญา
“มีศักดิ์ ชุณหรักษ์โชติ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ แอนด์ ลีฟวิ่ง จำกัด (อสังหาฯ ภาคตะวันออก)
1.ปัจจัยภายนอกแก้ไขไม่ได้ ควรแก้ปัจจัยภายใน สร้างองค์กรให้แข็งแรง ทั้งการลดต้นทุนและปรับวัฒนธรรมองค์กร
2.สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน เพื่อนำวิธีคิดและการแก้ปัญหามาปรับใช้
“บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ” กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
1.เจาะตลาดระดับกลางเป็นหลัก โครงการแนวราบราคา 4-5 ล้านบาทต่อหลัง ส่วนคอนโดฯ เน้นกลุ่มตร.ม.ละ 70,000-100,000 บาท
2.บริหารกระแสเงินสดให้ดีที่สุด ใกล้ชิดกับธนาคารเพื่อเปิดวงเงิน/ขยายวงเงินกู้
3.โครงการที่ศึกษาแล้วว่าเมื่อเปิดตัวอาจทำยอดขายได้ไม่หวือหวา ให้ชะลอโครงการออกไปก่อน
“ณพน เจนธรรมนุกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)
1.กระจายทำเลและรูปแบบสินค้าหลายแบบ เพื่อกระจายความเสี่ยง
2.เพิ่มธุรกิจกลุ่มที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ (recurring income) โดยสัมมากรมีแบรนด์คอมมูนิตี้ มอลล์ และตลาดนัดอยู่แล้ว ปีนี้จะเปิดโครงการเพิ่มขึ้น
3.ในแง่บวก ปีนี้ราคาที่ดินไม่ปรับขึ้น เป็นโอกาสเหมาะที่จะซื้อที่ดินเตรียมไว้พัฒนาในปีต่อๆ ไปเมื่อตลาดกลับเป็นขาขึ้น