“ธนิยะ พลาซา” รีโนเวตใหญ่ในรอบ 30 ปี ต้อนรับการมาของ “Dusit Central Park”

  • อาคารธนิยะ มิกซ์ยูสในพอร์ตของครอบครัวสมบุญธรรม ทุ่ม 1,000 ล้าน รีโนเวตส่วนรีเทล “ธนิยะ พลาซา” ให้ทันสมัย
  • ปรับพื้นที่ใหม่ คงเอกลักษณ์ความเป็น “ศูนย์รวมอุปกรณ์กอล์ฟ” เสริมด้วยร้านค้าแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์และร้านอาหาร
  • ธนิยะ พลาซา เชื่อว่าจะดึงทราฟฟิกกลุ่มพนักงานออฟฟิศเข้าพื้นที่มากขึ้น รวมคนเข้ามาใช้บริการเพิ่ม 3-4 เท่าตัว
  • ธุรกิจอื่นๆ ในธนิยะกรุ๊ป อยู่ระหว่างรีโนเวตโรงแรมย่านอโศก และมีแผนพัฒนาโครงการบ้านผู้สูงอายุในชะอำ

อาคารธนิยะเป็นหนึ่งในอาคารแรกๆ บนถนนสีลม โดยก่อสร้างเสร็จเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2532 จุดเริ่มต้นมาจากการร่วมทุนระหว่าง ธนิยะกรุ๊ป ของครอบครัวสมบุญธรรม กับ Sumitomo Real Estate จากญี่ปุ่น ก่อนที่ธนิยะกรุ๊ปจะซื้อหุ้นจากญี่ปุ่นทั้งหมดในเวลาต่อมา

ปัจจุบันภายในพื้นที่โครงการมีทั้งพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่าและรีเทล แบ่งเป็น “ตึกใหญ่” (อาคารธนิยะ พลาซา) และ “ตึกหน้า” (อาคารธนิยะ บีทีเอส วิง) ซึ่งทั้งสองตึกนี้มีส่วนรีเทลอยู่บนชั้น 1-4 เชื่อมต่อถึงกันผ่านพื้นที่ชั้น 1 และสะพานเชื่อมชั้น 3

ความเป็นอาคารเก่าแก่แถมยังอยู่ในทำเลติดสถานี BTS ศาลาแดง ทำให้ใครๆ ก็รู้จักอาคารธนิยะ แต่เมื่อเปิดมานานถึง 30 ปี รูปแบบทั้งภายนอกและภายในอาคาร รวมไปถึงสัดส่วนร้านค้าภายใน อาจจะไม่ตอบโจทย์หนุ่มสาวชาวสีลมอีกต่อไป นำมาสู่การรีโนเวตใหญ่ครั้งนี้

ภาพตัวอย่างภายนอกอาคารธนิยะหลังรีโนเวตส่วนรีเทลเรียบร้อยแล้ว

“นพ.ทัศนวัต สมบุญธรรม” กรรมการบริหาร ธนิยะ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ปี 2563-64 บริษัทจะลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตใหญ่ส่วนรีเทลทั้งหมดของอาคาร การปรับปรุงครั้งนี้จะเปลี่ยนโฉมอาคารทั้งสองส่วนให้เป็นคอมเพล็กซ์เดียวกัน ปรับแลนด์สเคปภายนอกให้ทันสมัย ร่มรื่น facade อาคารสวยงามขึ้น ภายในอาคารจะโปร่งสบาย พร้อมทำระบบลิฟต์และบันไดเลื่อนใหม่ทั้งหมด

บริเวณถนนธนิยะด้านข้างอาคารซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของธนิยะกรุ๊ป จะมีการรีโนเวตใหม่เช่นกัน

การปรับปรุงครั้งนี้ไม่ใช่การปิดปรับปรุงทั้งตึก แต่ทยอยทำทีละส่วน เริ่มจากตึกใหญ่จะรีโนเวตก่อน เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2563 ตามด้วยตึกหน้าจะรีโนเวตเสร็จภายในกลางปี 2564 ทำให้ผู้เช่าเดิมสามารถย้ายไปอยู่ในอีกตึกหนึ่งก่อนเป็นการชั่วคราวระหว่างปรับปรุง

หลังจากรีโนเวตเสร็จแล้ว พื้นที่รีเทลจะเพิ่มขึ้น 20% เป็น 12,000 ตร.ม. และมีจำนวนร้านค้าเพิ่มจากปัจจุบันกว่า 100 ร้าน เป็นกว่า 200 ร้านค้า โดยมีขนาดร้านค้าตั้งแต่ 15-700 ตร.ม.

ฝั่งทายาทรุ่น 3 ของตระกูล “ศลิษา นภาธร” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ธนิยะ กรุ๊ป เสริมว่า จุดแข็งของธนิยะ พลาซาคือเป็น “ศูนย์รวมอุปกรณ์กีฬากอล์ฟ” โดยแต่เดิมพื้นที่รีเทลถึง 80% เป็นร้านกีฬากอล์ฟ ซึ่งบริษัทจะคงจุดเด่นนี้ไว้แต่เติมร้านค้าแบบอื่นเข้ามา

บริเวณกอล์ฟ โซน เอกลักษณ์เดิมของ ธนิยะ พลาซา

ทำให้หลังรีโนเวตร้านค้ากีฬากอล์ฟจะลดสัดส่วนเหลือ 50% ที่เหลือ 30% เป็นกลุ่มไลฟ์สไตล์ เช่น คลินิกความงาม บริการดิจิทัล แบรนด์แฟชั่น และ 20% เป็นร้านอาหารหลายสัญชาติ

“ตอนนี้ทราฟฟิกคนเข้ามาประมาณ 7,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่ 80-90% เป็นนักกีฬากอล์ฟทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ต่อไปหลังปรับสัดส่วนร้านค้า เราหวังว่าจะมีพนักงานออฟฟิศสีลม เข้ามาเดินมากขึ้น และเพิ่มทราฟฟิกเป็น 20,000-30,000 คนต่อวัน” ศลิษากล่าว

ภาพรวมธนิยะ พลาซาหลังรีโนเวต
บริเวณ Food Hub แหล่งร้านอาหารบนชั้น 4

ทั้งนี้ นพ.ทัศนวัต เสริมว่าพนักงานในส่วนออฟฟิศธนิยะเองมีอยู่ 5,000 คนอยู่แล้ว และสถานี BTS ศาลาแดงปัจจุบันมีทราฟฟิกวันละกว่า 100,000 คน ทำให้เชื่อว่าจะดึงทราฟฟิกมาได้

อาคารธนิยะนั้นตั้งอยู่ตรงข้ามกับ “สีลมคอมเพล็กซ์” การจะดึงแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ เข้ามาเปิดร้านนั้น ศลิษากล่าวว่าจะพยายามเลือกแบรนด์ที่ไม่ซ้ำกับที่มีอยู่แล้วในฝั่งสีลมคอมเพล็กซ์ โดยเป็นแบรนด์ระดับแมสที่คนทำงานสีลมเข้าถึงได้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาผู้เช่า

สาเหตุที่ธนิยะ พลาซาเพิ่งจะรีโนเวตใหญ่หลังผ่านมาถึง 30 ปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปล่อยเช่าร้านรีเทลครั้งแรกนั้นเป็นสัญญาเช่าช่วงหรือ “เซ้ง” 30 ปี ทำให้ต้องรอครบสัญญา โดยจะได้ที่เช่าทั้งหมดคืนมาวันที่ 1 เม.ย. 63 และหลังจากนี้จะเปลี่ยนมาใช้ระบบสัญญาเช่าระยะสั้น 3 ปี แต่พร้อมจะเจรจาต่อรองกับผู้เช่ารายเดิมที่อาจจะต้องการทำสัญญานานกว่านั้น ส่วนค่าเช่าพื้นที่หลังรีโนเวตขึ้นอยู่กับการตกลง

“นพ.ทัศนวัต สมบุญธรรม” กรรมการบริหาร ธนิยะ กรุ๊ป และ “ศลิษา นภาธร” ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ธนิยะ กรุ๊ป

ในอนาคต สีลมจะปรับโฉมไปอีกมาก เพราะอาคารเก่าทยอยปรับปรุง ยกตัวอย่างเช่นโรงแรมดุสิตธานีที่อยู่ระหว่างปรับปรุงใหม่เป็นเมกะโปรเจ็กต์ Dusit Central Park ที่วางกำหนดสร้างเสร็จปี 2566

“พื้นที่สีลมกำลังมีการเปลี่ยนแปลง” นพ.ทัศนวัต กล่าว “โครงการใหม่เข้ามาต้องมีผลกระทบกับเราแน่นอน แต่เราจะพยายามดูแลลูกค้าเก่าให้เต็มที่มากที่สุด เรายังมีจุดเด่นที่เป็นตึกเล็ก เข้าถึงง่าย ซึ่งสะดวกกว่าโครงการขนาดใหญ่”

สำหรับแผนธุรกิจอื่นๆ ของธนิยะกรุ๊ป ขณะนี้อยู่ระหว่างรีโนเวต โรงแรมการ์ดีนา อโศก ในซอยสุขุมวิท 16 ที่บริษัทเข้าเทกโอเวอร์มาเมื่อปีก่อน เป็นโรงแรม 8 ชั้น จำนวน 100 ห้อง โดยขอไม่เปิดเผยมูลค่าซื้อขาย แต่ใช้งบรีโนเวต 900 ล้านบาท จะเปิดบริการได้ไตรมาส 3/63

ส่วนช่วงปี 2563-65 ธนิยะกรุ๊ปยังมีงบลงทุนเพิ่มเติม 1,000 ล้านบาท มีแผนที่กำลังศึกษาคือ โครงการบ้านพักผู้สูงอายุ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี บนที่ดินแลนด์แบงก์เก่าของครอบครัว นอกจากนี้ยังเปิดกว้างดีลการลงทุนเทกโอเวอร์โครงการอื่นๆ ที่น่าสนใจในกลุ่มโรงแรม ออฟฟิศ และรีเทล

จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าธุรกิจใดก็ต้องปรับตัวตลอดเวลา แม้ว่าจะเคยประสบความสำเร็จหรืออยู่ในทำเลที่ดี ก็ต้องมีความเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองลูกค้าอยู่เสมอเช่นกัน!