เปิดเบื้องหลังรัฐบาลญี่ปุ่นอพยพประชาชนออกจาก “อู่ฮั่น” ภายใน 2 วัน

รัฐบาลญี่ปุ่นสามารถอพยพชาวญี่ปุ่นในเมืองอู่ฮั่น หนีการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ภายในเวลาเพียงแค่ 2 วัน เบื้องหลังความรวดเร็วนี้เกิดจากการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน และการใช้ช่องทางการทูตอย่างมีประสิทธิภาพ

เที่ยวบินพิเศษลงจอดที่สนามบินฮาเนดะในกรุงโตเกียว เมื่อเช้าวันที่ 29 มกราคม 2563 เวลาราว 8.40 น. พร้อมด้วยชาวญี่ปุ่น 206 คนที่อพยพมาจากเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เที่ยวบินดังกล่าวออกเดินทางพร้อมกับแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ตรวจโรค ผู้โดยสารทั้งหมดได้รับการตรวจสุขภาพบนเครื่อง จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ที่ติดเชื้อ แต่มีบางรายที่มีอาการไอ มีไข้ ซึ่งจะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล

ทันทีที่เครื่องบินลงจอด รสบัส 5 คัน และรถพยาบาล 20 คันได้เตรียมพร้อมไว้ที่สนามบิน นำตัวผู้โดยสารทั้งหมดไปตรวจเชื้ออีกครั้ง ทุกคนจะถูกกักตัวเพื่อรอดูอาการ 14 วัน

Photo : AFP / CHARLY TRIBALLEAU

รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า เที่ยวบินพิเศษเที่ยวที่ 2 จะออกเดินทางไปยังอู่ฮั่นในค่ำวันนี้ และเที่ยวบินที่ 3 จะออกเดินทางในวันพฤหัสบดี เพื่อรับชาวญี่ปุ่นออกจากเมืองอู่ฮั่นทั้งหมดราว 650 คน

เรียงไทม์ไลน์ รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมความพร้อมอย่างไร?

รัฐบาลญี่ปุ่นสามารถอพยพชาวญี่ปุ่นออกจากจีนได้ภายใน 2 วัน และเป็นประเทศแรกที่ได้รับอนุญาตจากทางการจีนให้เข้าสู่เมืองอู่ฮั่น ที่ยังคงอยู่ภายใต้มาตรการชัตดาวน์ปิดเมือง

  • ค่ำวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. นายกฯ ชินโซ อาเบะ ประกาศว่าพร้อมจะอพยพชาวญี่ปุ่นจากเมืองอู่ฮั่น
  • วันจันทร์ที่ 27 ม.ค. กระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตญี่ปุ่น และสมาคมการค้าญี่ปุ่นในจีน ได้เร่งสอบถามและรวบรวมจำนวนชาวญี่ปุ่นที่ต้องการจะกลับประเทศ
  • วันอังคารที่ 28 ม.ค. เที่ยวบินพิเศษเตรียมพร้อมที่สนามบินฮาเนดะตั้งแต่เช้า แต่ยังไม่สามารถออกเดินทางได้ เพราะ “ฝ่ายจีนยังไม่พร้อม” จนกระทั่งได้รับสัญญาณไฟเขียวให้ขึ้นบินได้ในช่วงค่ำ เที่ยวบินพิเศษนี้ยังนำหน้ากากอนามัย 15,000 ชิ้น แว่นตาป้องกันการติดเชื้อ 8,000 ถุงมือ 50,000 ชิ้น และสิ่งของช่วยเหลือต่าง ๆ ไปมอบให้กับฝ่ายจีนด้วย
  • ในวันเดียวกัน คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตรียมความพร้อมภายในประเทศ มีมติให้ขึ้นบัญชีโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา เป็นโรคติดเชื้อตามกฎหมาย ให้อำนาจบังคับผู้ติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สั่งให้ลาหยุดงาน และบังคับตรวจโรคตามสนามบินและท่าเรือ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
  • วันพุธที่ 29 ม.ค. เที่ยวบินพิเศษเที่ยวแรกเดินทางถึงกรุงโตเกียว
  • มีรายงานว่าประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ได้กลับประเทศนั้นไม่ได้กลับฟรีๆ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 80,000 เยน หรือราวๆ 24,000 บาท

ข้อตกลง 3 ชาติเปิด “ทางด่วนการทูต”

รัฐบาลญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้มีความร่วมมือพิเศษระหว่าง 3 ชาติ โดยผู้นำ 3 ชาติเพิ่งประชุมสุดยอดร่วมกันที่มณฑลเสฉวนของจีน เมื่อวันที่ 24-25 ธันวาคม ปีที่แล้ว ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ จะมีความระหองระแหงอยู่บ้าง แต่การติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่จนถึงรัฐมนตรียังมีเป็นประจำ และครอบคลุมหลายด้าน

รัฐมนตรีสาธารณสุขของ 3 ประเทศได้ประชุมร่วมกันครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่เกาหลีใต้ ประกอบด้วย ปาร์ก น็อง โฮ รัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้, หม่า เสียวเหว่ย ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีน และ คัตสึโนบุ คาโต รัฐมนตรีสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น

การประชุมเมื่อปีที่แล้วเน้นเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุข ทั้ง 3 ประเทศได้ทบทวนบทเรียนการการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอและอีโบลา พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสาร การแลกเปลี่ยนข้อมูลในยามวิกฤต รวมทั้งการเฝ้าระวังภัยจากโรคระบาดต่างๆ

ความร่วมมือดังกล่าวได้ออกเป็นแถลงการณ์ และส่งต่อให้ผู้นำ 3 ประเทศหารือต่อและรับรอง ที่การประชุมสุดยอดที่ประเทศจีน

สื่อมวลชนญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้ช่องทางนี้ เพื่อขอเปิดทางให้อพยพชาวญี่ปุ่นออกจากเมืองอู่ฮั่น ประกอบกับญี่ปุ่นกำลังเชิญประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มาเยือนญี่ปุ่นในฐานะ “อาคันตุกะของรัฐ” ในช่วงกลางปีนี้ ทำให้รัฐบาลจีนตอบรับคำขอของญี่ปุ่นอย่างดียิ่ง

ผู้คุ้นเคยกับกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ตั้งแต่เกิดกรณีพิพาทกับเกาหลีใต้ รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามอย่างยิ่งที่จะกระชับความสัมพันธ์กับจีน ถึงขนาดที่เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีต่างประเทศจากนายทาโร โคโนะ ที่มีท่าทีแข็งกร้าว มาเป็น นายโทชิมิตสึ โมเตกิ อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ประนีประนอมกับจีน ยิ่งในช่วงนี้มีกำหนดการที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะเดินทางเยือนแดนอาทิตย์อุทัย เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศจึงติดต่อกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น สื่อสารได้รวดเร็ว

ความร่วมมือและไมตรีจิตครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้จีนฝ่าวิกฤตไวรัสมรณะ แต่ยังปูทางสำหรับการเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการครั้งแรกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และสมานรอยร้าวทางประวัติศาสตร์ระหว่างกัน เพื่อสร้าง “สามก๊กยุคใหม่” ที่ไม่รบพุ่ง แต่ร่วมมือกัน ตามที่นายชินโซ อาเบะ ได้เคยประกาศไว้

Source