สตีฟ จ็อบส์ ได้กล่าวถึง iPad ว่า “เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยพยายามทำมา” จากนั้น Tim Bajarin แห่ง PC Magazine ได้วิเคราะห์เหตุ 4 ประการที่ทำให้จ็อบส์กล่าวเช่นนั้นถึงสองครั้งสองครา ดังต่อไปนี้
ประการแรก การสร้างคอมพิวเตอร์ที่ง่ายต่อการใช้ ซึ่งถือเป็นความสามารถหลักของจ็อบส์ ที่เขามีความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ในการใช้เทคโนโลยี และเขาประสบความสำเร็จในการผลิตอุปกรณ์ไฮเทคที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีทางการดำเนินชีวิตของคนทั่วไป Tim ได้ทำการทดลองความง่ายต่อการใช้ iPad กับสตรีอาวุโสท่านหนึ่ง ครั้งแรกที่เธอเห็น iPad เธอกล่าวว่า “นี่เหรอ คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ดอยู่ที่ไหนล่ะ” เมื่อเธอทราบว่า iPad เป็นคอมพิวเตอร์ระบบทัชสกรีน ซึ่งคีย์บอร์ดจะแสดงขึ้นบนหน้าจอแบบอัตโนมัติเมื่อต้องการพิมพ์ข้อความ และเมื่อเธอสามารถปรับตัวและใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ยากที่จะเอา iPad กลับคืนมาจากเธอ เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงความง่ายต่อการเรียนรู้ที่จะใช้งานอุปกรณ์ชิ้นใหม่นี้
ประการที่ 2 คือ iPad เป็นอุปกรณ์ที่จะนำพาคอมพิวเตอร์เข้าสู่ยุคจอสัมผัสอย่างจริงจัง ทางวิชาการได้พิสูจน์แล้วว่าระบบสัมผัสเป็นวิธีการที่ธรรมชาติที่สุดในการใช้คอมพิวเตอร์
ซึ่งระบบจอสัมผัสอยู่คู่กับมนุษย์มานานนับปี เริ่มตั้งแต่ ตู้ ATM เครื่องควบคุมการผลิตในโรงงานต่างๆ รวมไปถึงหน้าจอแสดงแผนที่ในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น สาเหตุนี้ทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ปลายปากกาจิ้มเพื่อแสดงผลไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ซึ่งในที่สุดก็จะหายไปจากตลาด Tim เชื่อมั่นว่า iPad จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำไปสู่ยุคคอมพิวเตอร์จอสัมผัสอย่างแน่นอน
ประการที่ 3 คือ ดูเหมือนว่า จ็อบส์จะเข้าใจดีว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อบริโภคข้อมูล มิใช่ผลิตข้อมูล ดังนั้น iPad จึงเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการบริโภคข้อมูล ผู้ใช้สามารถพกพา iPad ไปได้ทุกที่ เหมือนพกพาหนังสือเล่มโปรดไปอ่านได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือริมสระว่ายน้ำ เป็นต้น
ประการสุดท้าย คือ สมรรถนะของ iPad สามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกสภาพตามสถานการณ์ เช่น อยากให้ iPad เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ท่องเน็ต ก็เป็นได้ อยากจะให้ iPad กลายเป็นกรอบรูปดิจิตอลแสดงภาพถ่าย ก็เป็นได้ อยากให้ iPad กลายเป็นหนังสือดิจิตอล ก็เป็นได้ อยากให้ iPad กลายเป็นเครื่องเล่นวิดีโอ ชมภาพยนตร์ ก็เป็นได้ อยากให้ iPad เป็นกลายเป็นเครื่องเล่นเกม ก็เป็นได้ อยากให้ iPad เป็นหน้ากระดาษสำหรับจดบันทึกหรือสร้างสรรค์ผลงานเขียน ก็เป็นได้ ในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ตามความเหมาะสมของการใช้งานของแต่ละบุคคล ยิ่งกว่านั้น iPad อาจเป็นอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์สำหรับหลากอุตสาหกรรมหลายสายงาน ได้แก่ การแพทย์ การศึกษา การทหาร การตำรวจ และสิ่งพิมพ์ เป็นต้น
จุดด้อย
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผู้เขียนเอง หลังจากที่รถลองใช้ iPad ในเบื้องต้น พบว่า อุปกรณ์ชิ้นใหม่ของ Apple ตัวนี้มีจุดด้อยอยู่ เช่น น้ำหนัก แน่นอน iPad มีขนาดใหญ่กว่า iPhone และการที่มีน้ำหนักเกือบ 1 กิโลกรัม หากต้องถือไว้ในมือนานๆ ย่อมเกิดความเหมื่อยล้าได้รวดเร็ว ทางแก้ คือ การใช้ iPad Case ที่ Apple ผลิตออกมาจำหน่ายพร้อมการเปิดตัว iPad จะช่วยได้มาก และเชื่อว่าในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์จากค่ายอื่นที่ออกมาให้เลือกอย่างจุใจ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าปีหน้า Apple อาจจะเปิดตัว Mini iPad ซึ่งจะมีขนาดเล็ก ออกมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
สำหรับในแง่ของการใช้ iTunes Applications Store ที่ยังคงไม่ลื่นดีนัก เช่น เมื่อเลือกดาวน์โหลด Apps ที่ต้องการแล้ว จะกลับไปที่หน้าเดิมไม่ได้ ต้องเริ่มต้นใหม่ที่หน้าแรกทุกครั้งไป ทำให้เสียเวลามากในการค้นหา ส่วนการดึงข้อมูลดิจิตอลออนไลน์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน ประสิทธิภาพการใช้งานตรงจุดนี้ ขึ้นอยู่กับระบบการรองรับอินเทอร์เน็ตของแต่ละสถานที่ เช่นในสหรัฐอเมริกาเองมีมหาวิทยาลัยและเมืองหลายแห่งที่ให้บริการ Wi-Fi ฟรีทั่วทั้งมหาวิทยาลัยและเมือง ซึ่งคนที่ใช้ iPad ส่วนใหญ่ใช้เป็นอุปกรณ์ท่องเน็ต หรือ Web Tools ซึ่งเป็นการต่อเชื่อมระบบออนไลน์ตลอดเวลา ทำให้การจราจรส่งผ่านข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตคับคั่งมาก เป็นเหตุให้การให้บริการอินเทอร์เน็ตช้าลง หรืออาจจะถึงขั้นล่มได้ ในกรณีที่ระบบยังไม่แข็งแรงพอเพียง ต่อประเด็นนี้ iPad ถือเป็นอุปกรณ์ที่ออกมาปฏิรูประบบการสื่อสารแบบไร้สาย ซึ่งในที่สุด เมื่อมีผู้ต้องการใช้เป็นจำนวนมาก ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องพัฒนาระบบของตนเองให้รวดเร็ว และสามารถรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Apple ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า สัปดาห์แรกของการเปิดตัว iPad ในสหรัฐฯ มียอดจำหน่ายสูงถึง 500,000 เครื่อง นับเป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่าคาด เป็นเหตุให้การส่งมอบ iPad ให้แก่ผู้ที่สั่งก่อน (Pre-orders) ต้องล่าช้าออกไป ทั้งยังต้องเลื่อนการเปิดจำหน่ายในตลาดต่างชาติออกไปเป็นปลายเดือนพฤษภาคมนี้แทน สำหรับ iPad รุ่น Wi-Fi+3G เครื่องแรกเริ่มส่งให้ลูกค้าตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว เพื่อให้ทันการเปิดตัวในวันที่ 30 เมษายน ตามที่ประกาศไว้ ซึ่ง iPad รุ่น Wi-Fi+3G มีราคาสูงกว่ารุ่น Wi-Fi ธรรมดา 130 เหรียญ โดยขนาด 16GB มีราคา 629 เหรียญ ขนาด 32GB มีราคา 729 เหรียญ ขนาด 64GB มีราคา 829 เหรียญ ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าบริการข้อมูลของ AT&T ที่มีสองแบบให้เลือก คือ สำหรับการส่งรับข้อมูลจำนวน 250MB มีราคา 15 เหรียญต่อเดือน และ 30 เหรียญต่อเดือนไม่มีจำนวนจำกัด ซึ่งบริการ Data Plans ทั้งสองแบบไม่มีสัญญาผูกมัดใดๆ จะยกเลิกเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้ มีข้อมูลออกมาว่า จำนวน 130 เหรียญที่ Apple เก็บเพิ่มเป็นค่า 3G แท้จริงแล้วส่วนหนึ่งเป็นการจ่ายให้กับ AT&T เพื่อคุมราคา Data Plans ไม่ให้ AT&T เก็บลูกค้า iPad สูงเกินไป
จากข้อมูลเหล่านี้ เป็นไปได้ว่า iPad จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ไม่มากก็น้อย ประวัติศาสตร์จะเป็นตัวบอกเองว่า iPad เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของสตีฟ จ็อบส์หรือไม่ และโปรดติดตามตอนต่อไปว่า iPad จะมีผลกระทบในอนาคตอย่างไร