ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่ยอดการใช้งานและการขายบนออนไลน์กลับพุ่งขึ้น ดังนั้นในงาน Thailand Zocial Awards 2020 จึงได้มีการสรุปเทรนด์ จุดเด่น และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของ 5 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในไทย ได้แก่ Facebook, Google (Youtube), Line, Twitter และ Pantip เพื่อให้แบรนด์ได้ปั้นกลยุทธ์ออนไลน์ที่เจาะตรงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
‘แพลตฟอร์มยังเติบโต’ จากปี 2018 มีการใช้งาน 53 ล้านคน/เดือน ในปี 2019 มีการใช้งาน 57 ล้านคน/เดือน เทรนด์ที่เห็นในปีที่ผ่านมาคือ การปรับจากเดิมที่นำคอนเทนท์จากสื่ออื่นมาลง แต่หันมาทำคอนเทนต์เพื่อมาลงโดยเฉพาะ เช่น Story, Video และใช้แมสเซนเจอร์เพื่อขายของ โดยกว่า 40% สามารถปิดการขายได้ ขณะที่สหรัฐอเมริกามีสัดส่วนเพียง 5% นอกจากนี้ยังพบว่า ยอดขายโตขึ้น 81% เมื่อเห็นสินค้าจาก Influencers อย่างไรก็ตาม สามารถวดผลได้เพียง 18% เท่านั้น
ดังนั้นปีนี้ Facebook ได้เพิ่มเครื่องมือใหม่ Branded Content ที่จะช่วยให้ Influencers เลือกกลุ่มเป้าหมายในการมองเห็นได้ ไม่ต้องมาหว่านเฉพาะยอดคน Follow และสามารถดูได้ว่านำไปสู่การปิดการขายได้เท่าไหร่ ใช่แค่ดู Engagement
“คนใช้เหมือนเดิม แต่มีความเข้าใจในเครื่องมากขึ้น อย่าง Watch Party, ทำโพลสำรวจ หรืออย่างใช้ story ในการเล่าถึงสินค้า ใช้ในการดึงลูกค้า”
ไม่ใช่แค่ Google ที่ใช้หาข้อมูล แต่ YouTube ก็กลายเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ โดยสิ่งที่เห็นชัดคือ มีการเข้าไปดูคอนเทนต์ด้าน Finance มากขึ้น 4.5 เท่า แต่หลัก ๆ การใช้งานยังเป็นการดูรีวิว และเอนเตอร์เทนต์เมนต์ ขณะที่การใช้งานผ่านทีวีก็เพิ่มมากขึ้น หรือมีผู้ชมหลายคนบนดีไวซ์เดียว และการเติบโตจากผู้ใช้งานจากต่างจังหวัดก็เห็นได้ชัด โดย 70% ของเพลงที่มียอดวิวสูงสุดของไทยเป็นเพลงลูกทุ่ง ขณะที่พฤติกรรมการใช้ Google 15% มีการเสิร์ชคำใหม่ ๆ ตลอด และคำค้นหาที่ระบุละเอียดขึ้นเช่นเดียวกันกับ YouTube
โดยปีนี้ Google จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยพยายามหล่อหลอมบริการทุกอย่างที่มีเพื่อเฝ้าสังเกตและคาดการณ์ว่าลูกค้าจะไปที่ไหน อยู่สถานที่ใด แล้วยิงโฆษณานั้นแบบดักรอล่วงหน้า นอกจากนี้จะใช้ AI และ machine learning เข้ามาช่วย เพื่อให้มีแม่นยำมากขึ้นในทุก ๆ แพลตฟอร์ม
เห็นความชัดเจนเรื่อง ‘แชทคอมเมิร์ซ’ เพราะแม้การรับรู้สินค้าจะมาจากหลายช่องทาง แต่ส่วนใหญ่จะจบการขายผ่านแชทไลน์ ซึ่งเทรนด์นี้สอดคล้องกับจำนวนไลน์ ออฟฟิเชียลแอคเคาท์ที่เติบโตปีละ 110% ปัจจุบันมี 3 ล้านราย และปีนี้ก็มี LINE MyShop ให้คนที่ใช้ LINE ทำร้านค้าขายของโดยเชื่อมเข้าระบบของ LINE ได้เลย รวมถึงในเดือนเมษายนนี้สามารถซื้อโฆษณา LINE Advertising Platform ผ่าน LINE ได้เลย ไม่ต้องซื้อผ่านเอเยนซี่เหมือนเมื่อก่อน อีกทั้ง ยังสามารถเลือกเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย
ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน แต่เทรนด์เริ่มเปลี่ยนจากติ่งใช้ทวิตหาดารา กลายเป็นทวิตความเห็นที่เกี่ยวข้องกับสังคมโดยรวมมากขึ้น เช่น #Saveอุบล #Saveตราด รวมทั้งมีแฮชแท็ก #แบนด์ อีกด้วย แม้ผู้ใช้หลัก ๆ ยังเป็นวัยรุ่น ตอนนี้ก็เริ่มมีวัยทำงานที่เข้ามาใช้งาน
ในมุม User ประเด็นที่คนอ่านหลักล้านนั้นแสดงให้เห็นว่าคนมาอ่านหาความรู้และพยายามหาทางแก้ไขปัญหา อาทิ เรื่อง ฝุ่น เช่น มาตรการป้องกันตัวเอง รีวิวเครื่องฟอก อีกเรื่องคือ ตกงานจะทำยังไงดี ส่วนมุมของ แบรนด์ ก็มีการใช้งาน Advertorial Content เช่น โรงแรมทำคอนเทนต์รีวิวจัดงานแต่งงาน, SME เช่าเสื้อกันหนาว แต่การจะทำให้ได้ผลไม่ใช่แค่ขายของแต่ต้องทำให้รู้สึกว่าช่วยแก้ปัญหา และปีที่ผ่านมาก็เริ่มมีบริการใหม่ ๆ เช่น บริการ comment ads คือ เราสามารถลงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับกระทู้ในหน้านั้น ๆ ได้
และตอนนี้ Pantip มีความห่วงใยผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยว โรงแรมที่พักของไทยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดย Pantip จะแจกโฆษณาในห้องบลูแพลนเน็ตให้ฟรี 120 คนแรก
#Facebook #Google #Youtube #Line #Twitter #Pantip #Positioningmag