สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พรรคแรงงานฝ่ายค้านของออสเตรเลียออกมาเตือนว่ามหาวิทยาลัยหลายแห่งในออสเตรเลียกำลังเผชิญสภาวะล้มละลายเนื่องจากการระบาดของ COVID-19
ทันยา พลิเบอร์เซ็ก (Tanya Plibersek) โฆษกพรรคแรงงานเรียกร้องให้รัฐบาลค้ำประกันเงินทุนของมหาวิทยาลัย และเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากวิกฤต
โดยทั่วไปมหาวิทยาลัยหลายแห่งของออสเตรเลียพึ่งพารายได้จากนักศึกษาต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งสร้างรายได้ให้มหาวิทยาลัยมากกว่า 1 ใน 3
มาตรการห้ามเดินทางในหลายประเทศทำให้การลงทะเบียนระหว่างประเทศลดลงอย่างฮวบฮาบ ส่งผลให้มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งเริ่มลดรายจ่าย
พลิเบอร์เซ็กกล่าวกับสำนักข่าวการ์เดียนออสเตรเลียว่า “ตอนนี้มีความกังวลอย่างยิ่งว่าหากรัฐบาลกลางไม่ดำเนินการอะไร สถาบันชั้นนำบางแห่งอาจต้องล้มละลาย”
ด้าน แดน ทีแฮน (Dan Tehan) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของออสเตรเลียเตรียมประกาศแผนการช่วยเหลือระดับอุดมศึกษาในปลายเดือนเมษายนนี้ ซึ่งพลิเบอร์เซ็กกล่าวว่าแผนดังกล่าวต้องรวมถึง “สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีดอกเบี้ย เพื่อสร้างเสถียรภาพในอีกหลายเดือนต่อจากนี้”
“มหาวิทยาลัยของออสเตรเลียอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล เป็นเวลาหลายปีแล้วที่มหาวิทยาลัยต่างๆ สร้างรายได้จากการศึกษาระหว่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือด้านการวิจัยชั้นนำระดับโลก การระบาดใหญ่ของ COVID-19 และข้อจำกัดด้านการเดินทางทั่วโลกได้นำไปสู่วิกฤตในด้านการระดมทุน เนื่องจากนักศึกษาต่างชาติลดลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา” พลิเบอร์เซ็กกล่าว
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. มหาวิทยาลัยลาโทรบ (La Trobe University) ซึ่งมีนักศึกษามากกว่า 30,000 คนเปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยคาดว่ารายได้จะลดลง 150 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 3,000 ล้านบาท) เนื่องจากไวรัส
ภาคการศึกษาระดับอุดมศึกษากลับไม่ตื่นตระหนกกับภัยคุกคามที่เกิดจากโรค COVID-19 มากนัก แคทริโอนา แจ็กสัน (Catriona Jackson) หัวหน้าผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียกล่าวว่าสถาบันต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมี “การช่วยเหลือทางการเงิน” จากรัฐบาล
“เราแค่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเราให้ฝ่าฟันผ่านช่วงเวลาต่อจากนี้ให้ได้ และช่วยพยุงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและชุมชนของเราอีกทางหนึ่ง” เธอกล่าว