Lazada เดินเกมเปิดแคมเปญรับการระบาดไวรัส COVID-19 พนักงานหน้าร้านที่ถูกปิดทำการในช่วงนี้ หากปิดดีลขายสินค้าบริษัทผ่าน Lazada ได้ รับค่าคอมมิชชั่นไปเลย พร้อมจัดโปรฯ ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนและค่าคอมมิชชั่น ช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ 50,000 ราย
“ภารดี สินธวณรงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่
1.SME Stimulus Package ช่วยทั้งผู้ขายเก่าและผู้ขายใหม่ที่เป็น SMEs 50,000 ราย ฟรีค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมการโอน ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2563 (ผู้ขายเก่าคือกลุ่มที่เปิดร้านก่อน 15 เมษายน 2563 และมียอดขายไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ขายใหม่ที่เปิดร้านในช่วง 15 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2563 จะได้รับแพ็กเกจทันที)
2.O2O Promoter & Affiliate Program เป็นโปรแกรมให้ร้านค้าออนไลน์ที่ปกติแล้วมีพนักงานขายหน้าร้านออฟไลน์ด้วย เมื่อร้านถูกปิดในระยะนี้ สามารถดึงพนักงานขายหน้าร้านเดิมมาช่วยขายออนไลน์ได้
พนักงานของแบรนด์สามารถโพสต์สินค้าบริษัทตามโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมถึงบน LazLive ซึ่งเป็นสตรีมมิ่งบน Lazada โดยพนักงานจะมี Tracking link ของแต่ละคนเพื่อนำลูกค้าเข้ามาในแพลตฟอร์ม Lazada หากปิดการขายได้จริง พนักงานจะได้ค่าคอมมิชชั่นทั้งจากแบรนด์และจาก Lazada ด้วย
ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 20 แบรนด์เข้าร่วมแล้ว เช่น Samsung, OPPO, Vivo, L’Oréal, Garnier, Maybelline, Huawei, Philips Avent, SHISEIDO และ EVEANDBOY มีพนักงานขายร่วมแคมเปญกว่า 15,000 คน และแบรนด์พบว่ามีลูกค้าซื้อเพิ่มขึ้น 37% มียอดขายเพิ่มขึ้น 42% ส่วนพนักงานมีผู้ที่สร้างค่าคอมมิชชั่นได้สูงสุด 28,000 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ Lazada ยังออกแคมเปญ #YesICAN ดึงผู้ค้าออฟไลน์จากย่านสยามสแควร์ มาบุญครอง สำเพ็ง ที่ยังไม่เคยมีหน้าร้านบน Lazada ให้มาร่วมขายบนแพลตฟอร์มนี้ โดยบริษัทจะดันทราฟฟิกการมองเห็นร้านให้เป็นพิเศษ
ฝั่งผู้ซื้อเอง บริษัทก็มีแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อช่วง COVID-19 จัดโปรฯ ลดค่าจัดส่ง 30 บาท เมื่อซื้อ 3 ชิ้นขึ้นไป จนถึง 30 เมษายนนี้
ทั้งนี้ ภารดียังให้ข้อมูลด้วยว่า ช่วงต้นเดือนเมษายน 2563 ซึ่งผู้บริโภคลดการเดินทางและออกจากบ้าน Lazada พบว่าแพลตฟอร์มมีการเติบโตในทุกๆ ด้านเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ดังนี้
- มูลค่ายอดขายเพิ่ม 130%
- จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่ม 100%
- จำนวนลูกค้าเพิ่ม 60%
- ลูกค้าอยู่ในแอปฯ เฉลี่ย 11 นาที นานขึ้น 11%
- จำนวนผู้ขายเพิ่มขึ้น 26,000 รายในเดือนเดียว รวมเป็นมากกว่า 2 แสนราย
สถานการณ์ COVID-19 ยังทำให้ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไป จากเดิมที่สินค้าขายดีจะเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นและสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต ขณะนี้สินค้าแฟชั่น กลุ่มเสื้อผ้าสำหรับใส่ออกนอกบ้านมียอดขายต่ำลง และสินค้าที่ขายดีกลับเป็นชุดใส่อยู่บ้าน สบู่ แชมพู เครื่องฟอกอากาศ และอาหารเสริม เพราะคนอยู่ติดบ้านมากขึ้น และใส่ใจสุขภาพ
“เราคิดว่ายอดสั่งซื้อในช่วงนี้จะเป็น New Normal ของเราต่อไปแม้ว่าจะหมดช่วงการระบาดของ COVID-19 แล้ว เพราะมองว่าพฤติกรรมคนจะเปลี่ยนไปเลย เช่นการ Work from Home หลายบริษัทน่าจะพิจารณาแล้วว่าสามารถทำได้ ทำให้มีคนอยู่บ้านมากขึ้น และคนที่หันมาซื้อของออนไลน์ก็น่าจะยังซื้อต่อไปเพราะสะดวกสบายกว่า” ภารดีกล่าว