เจาะลึก 4 พฤติกรรมที่จะกลายเป็น ‘New Normal’ ของผู้บริโภคหลังจบ COVID-19

จากการระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ GDP ทั่วโลกติดลบ โดยประเทศไทยจากที่เคยเติบโต 2.4% คาดว่าปีนี้จะ -5.3% ซึ่งเป็นผลจากทั้ง COVID-19 รวมถึงปัญหาภัยแล้ง หนี้ภาคครัวเรือน และช่องว่างทางฐานะ และแม้ว่าภาพรวมจะน่าเป็นห่วง แต่ โอกาส ก็ยังพอมีเมื่อดูจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อาทิ การช้อปออนไลน์ที่มากขึ้น สั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น โดย Nielsen ได้วิเคราะห์ถึง 4 พฤติกรรมที่จะกลายเป็น New Normal หลังจบ COVID-19 ที่ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมเพื่อปรับตัว

คุ้นชินกับดิจิทัล

สถานการณ์นี้จะช่วยให้คนคุ้นชินกับเทคโนโลยี เมื่อผู้บริโภคคุ้นชินกับการใช้ดิจิทัล ส่งผลให้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นนี่เป็นโอกาสที่จะได้แนะนำหรือให้ลูกค้าได้เทสต์สินค้าโดยไม่ต้องใช้พนักงาน (personal touch) แต่ใช้เทคโนโลยีอย่าง AR/VR แทน เช่น ใช้แอปลองแต่งหน้าหรือลองชุด โดย 61% ของผู้บริโภคทั่วโลกใช้เทคโนโลยี AR/VR เพื่อซื้อสินค้า นอกจากนี้ผู้บริโภคชอบโหลดแอปพลิเคชันเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไปในอนาคต

 

ใส่ใจในคุณภาพมากขึ้นและหันมาใช้ Local Brand

63% ของผู้บริโภคใส่ใจเรื่องคุณภาพสินค้ามากขึ้น แปลว่าต่อไป price sensitivity จะต่ำลง ดังนั้น อนาคตแบรนด์ที่จะทำแบรนดิ้งในแง่ efficiency นอกจากนี้ราว 70% ของผู้บริโภคในเอเชียและไทยหันมาใช้สินค้า Local Brand โดยเฉพาะสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง เนื่องจากผู้บริโภคกังวลที่จะซื้อสินค้านำเข้า เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะผ่านอะไรมาบ้าง อีกทั้งผู้ผลิต Local ยังตอบสนองความต้องการได้ดีกว่า ดังนั้นตอนนี้เป็นโอกาสของแบรนด์ Local นี่จึงเป็นช่วงที่ต้อง Push

ไม่อยากสั่งบ่อย ใช้ Subscription แทน

ในส่วนสินค้าที่ใช้ประจำ การจะต้องคอยมาสั่งบ่อย ๆ คงจะขี้เกียจ ดังนั้นรูปแบบการ Auto Subscription หรือส่งสินค้าในทุก ๆ เดือนหรือสัปดาห์ตามแต่จะกำหนด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แบรนด์มีรายได้คงที่แล้ว ยังเป็นการเตรียมพร้อมแบรนด์ให้รับมือกับการมาของ IoT เพราะในอนาคต IoT จะสั่งสินค้าแทนมนุษย์ ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

Social Media กลายเป็น สื่อหลัก

จากสถานการณ์ของ COVID-19 ส่งผลให้ผู้บริโภคเช็คข่าวเฉลี่ย 12 ครั้ง/สัปดาห์ Social และ Chat App กลายเป็นที่รับข่าวสาร โดยตอนนี้คนใช้สื่อเยอะมาก ทั้งออนไลน์ออฟไลน์ ทั้งรายการข่าวและความบันเทิง ดังนั้นช่วงนี้เป็นจังหวะที่จะได้โฟกัสกับคนดูมากขึ้น นี่เป็นช่วงที่ต้อง Push ให้หนักขึ้น แต่ต้องมี Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ให้มากขึ้นด้วยทั้งในเชิงคอนเทนต์และช่องทาง ขณะที่ Social media กำลังจะเป็น Main Stream หรือสื่อหลักที่คนรับข่าวจาก Social มากว่าสื่อปกติ อย่างประเทศจีนการเสพข่าวใน Social กลายเป็น Main Stream ไปแล้ว โดยไทยเอง 86% เสพข่าวจาก Social รองลงมาเป็นทีวี 79%

“ในอันตรายก็มีโอกาส แต่เราจะเลือกที่จะ Lock Down หรือว่าจะไปต่อ ดังนั้น อยากจะย้ำว่าโอกาสต่าง ๆ ยังมีอยู่ในตลาด อย่าปล่อยให้ตลาดมันชะงักไป เพราะตลาดไทยก็ถือว่าใหญ่”

ออนไลน์ต้องเป็นกลยุทธ์หลัก

ผู้ประกอบการจะต้องไปออนไลน์ ต้องใช้ ‘Social Media’ ให้เป็นกลยุทธ์หลัก เพราะสุดท้ายแล้วนี่จะเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวผู้บริโภค รวมถึงใครที่ขายออนไลน์อยู่แล้วอาจจะต้องลองขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย ทั้งนี้อาจต้องคำนึงถึงขีดความสามารถของโลจิสติกส์ด้วย

“นี่เป็นจุดตั้งต้นไปสู่ New Normal ทั้งการบริโภคและเสพสื่อ ถ้าไม่เริ่มปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้แล้วไปจับตลาดในวันที่มันกลายเป็นพฤติกรรมถาวรไปแล้ว แบรนด์จะไม่รู้รากเง่า ไม่เข้าใจพฤติกรรมว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทำให้เราไม่สามารถดีไซน์ประสบการณ์ที่เข้ากับเขาได้ ดังนั้น นี่คือช่วงเวลานี้ที่ดีที่สุดที่ทุกคนจะต้องปรับตัว อย่ารอให้การเปลี่ยนแปลงจบแล้วทำ เพราะการเปลี่ยนแปลงจะไม่กลับมาอีก