เทรนด์ ‘สุขภาพ’ และ ‘ความยั่งยืน’ จุดกระแสคนรุ่นใหม่ฮิต ‘กินเจ’

จับตาการเปลี่ยนพฤติกรรม ‘กินเจ’ ของผู้บริโภค จากกินเพื่ออิ่มบุญตามความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา สู่การใส่ใจสุขภาพและให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่ม ‘คนรุ่นใหม่’ ส่งผลให้ตลาดอาหารเจเติบโตและมีจำนวนคนกินเพิ่มมากขึ้น

 

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ปัจจุบันการบริโภคอาหารเจไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่เป็นการกินตลอดทั้งปี ซึ่งจากภาพดังกล่าว ผู้ประกอบการร้านอาหารเจและธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น ทั้งการเพิ่มเมนูให้หลากหลาย มีตัวเลือกแปลกใหม่และใส่ใจสุขภาพ

 

ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า และแพ็กเกจจิ้ง ที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ หรือนำกลับไปรีไซเคิลได้

 

“เดิมทีคนกินเจ คือตั้งใจทำบุญตามความเชื่อทางศาสนา แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป คนหันมากินเจมากขึ้นเพราะเทรนด์ใส่ใจเรื่องสุขภาพ อีกส่วน มาจากการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทั้งด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เห็นมาสักพักแล้ว

 

“และคนรุ่นใหม่ยังบริโภคอาหารเจตลอดทั้งปี ทำให้ตอนนี้อาหารเจมีการเติบโตขึ้นทุกปี อย่างซีพีแรมเอง คาดว่า ปีนี้อาหารเจของเราจะโต 25%” ธีรพันธุ์ ลักษณาภิรมย์’ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการขายและการตลาด บริษัท ซีพีแรม จำกัด เล่าถึงเหตุผลการกินเจของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

 

สำหรับการพัฒนาเมนูอาหารเจของซีพีแรม จะเน้นทั้งปลอดภัย อร่อย ให้ความมั่นคงและความยั่งยืนทางอาหาร เพื่อทำให้อาหารเจไม่ได้เป็นเมนูที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่เป็น ‘ทางเลือกหลัก’ ที่สามารถเข้าถึงและสามารถบริโภคได้ตลอดทั้งปี อย่างปีนี้ได้พัฒนาเมนูเจกว่า 50 รายการ จากปีก่อนอยู่ที่ 40 รายการ

 

ส่วนการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จะเพิ่มตัวเลือกที่แปลกใหม่ มีผัก ลดโซเดียม ควบคุมความมัน ฯลฯ ควบคู่กับการใช้แพ็กเกจจิ้งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ย่อยสลายตามธรรมชาติ หรือสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้

 

ขณะที่การรองรับการกินอาหารเจตลอดทั้งปี ทางซีพีแรมเองก็มีเมนูกะเพราเจ เมนูยอดฮิตสำหรับคนไทยวางจำหน่ายทั้งปีอยู่ รวมถึงมีแบรนด์ ‘วีจี ฟอร์ เลิฟ’ (VG for Love) เพื่อรองรับความต้องการนี้ เช่น ข้าวคั่วกลิ้งเจ, ข้าวราดผัดพริกแกงหมูกรอบเจ, ผัดหมี่ซั่วเจ, เส้นหมี่ผัดซีอิ๊วเจ, ข้าวกะเพราหมูกรอบวีแกน ฯลฯ

 

เทศกาลเจปีนี้เงินสะพัดกว่า 4.5 หมื่นล้าน

 

ทาง ‘ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย’ คาดการณ์มูลค่าการใช้จ่ายช่วงเทศกาลกินเจว่า จะอยู่ที่ 45,903 ล้านบาท นับเป็นการใช้จ่ายสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยเพิ่มขึ้น 2% จากเทศกาลเจในปี 2567 ที่มีมูลค่าการใช้จ่ายอยู่ประมาณ 45,003 ล้านบาท

 

สิ่งที่น่าจับตาคือ การกินเจในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดย 57.5% ตอบว่าเคยกินเจ อีก 42.5% แม้จะตอบว่า ‘ไม่เคยกิน’ แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดจะพบว่า 83% ของกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะกินในปีนี้

สำหรับปัจจัยที่ใช้ในการเลือกซื้ออาหารเจ

อันดับ 1 ความสะอาด 

อันดับ 2 ปลอดภัยต่อสุขภาพ 

อันดับ 3 ความสะดวก 

อันดับ 4 ความสะดวก 

อันดับ 5 ความหลากหลาย 

 

จากข้อมูลดังกล่าว ผู้ประกอบการร้านอาหารเจและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง สามารถใช้กลยุทธ์เพื่อรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ Value for Money การนำเสนออาหารที่มีราคาคุ้มค่า เช่น เมนูราคาพิเศษ ชุดอาหารสำหรับครอบครัว หรือจัดโปรโมชั่น เป็นต้น 

 

รวมถึงนำเสนออาหารที่มีคุณค่าทางอาหารและดีต่อสุขภาพหลากหลาย เช่น อาหารที่มีวัตถุดิบทางเลือกใหม่ ๆ เช่น Plant-based Meat ผักและธัญพืช เป็นต้น