แม้แต่ “โค้ก” สินค้ากลุ่ม FMCG ยังหนีไม่พ้นผลกระทบจากไวรัส COVID-19 โดยในช่วงไตรมาส 1/2020 ยอดขายยังค่อนข้างทรงตัวเนื่องจากผู้บริโภคกักตุนสินค้าไว้ดื่มในบ้าน แต่เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน ยอดขายของโคคา-โคลากลับตกฮวบไปถึง 25%
จากผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2020 ของ โคคา-โคลา เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2020 รายงานว่า รายได้รวมทั่วโลกของไตรมาส 1 ยังทรงตัว โดยรายงานยอดขายลดลง 1%
แต่เข้าสู่ช่วงเดือนเมษายน 2020 ปริมาณการขายของบริษัทโคคา-โคลาลดลงถึง 25% เนื่องจากมาตรการปิดเมืองของหลายประเทศส่งผลให้ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และสนามกีฬาถูกปิดทำการ ซึ่งตามปกติยอดขายจากการดื่มเครื่องดื่มนอกบ้านเหล่านี้คิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมบริษัท
“ยังประเมินไม่ได้ว่ายอดขายที่ลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการทั้งปีเพียงใด เพราะต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและข้อบังคับให้อยู่แต่ในที่พำนัก รวมถึงความเร็วในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาค” โค้กกล่าวในรายงาน
ความคิดเห็นต่ออนาคตของโค้กมาพร้อมกับรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งโค้กทำยอดขายไป 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ทำกำไรได้ดีขึ้น โดยมีผลกำไรสุทธิ 2.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 65% จากปีก่อน
โค้กพบว่ายอดขายที่ลดลงจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ถูกชดเชยจากผู้บริโภคที่ซื้อเครื่องดื่มตุนไว้ในช่วงเริ่มมีมาตรการปิดเมืองในไตรมาส 1/20 รายงานยังชี้ให้เห็นว่า เครื่องดื่มที่ผู้บริโภคนิยมกักตุนเมื่อต้องกักตัวที่บ้านเปลี่ยนมาเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า เช่น น้ำอัดลมแบบกระป๋องเล็ก น้ำอัดลมแบบไม่มีน้ำตาล น้ำส้มแบรนด์มินิทเมด เป็นต้น
สำหรับช่องทางการขาย ช่องทางอี-คอมเมิร์ซเติบโตเป็นเท่าตัวในหลายๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายรวม
ก่อนหน้านี้ในช่วงเริ่มต้นปี 2020 โค้กเคยประมาณการณ์รายได้ปีนี้จะเติบโตถึง 5% แต่เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นทำให้โคคา-โคลาต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ลดต้นทุนทุกจุดที่ทำได้ รวมถึงการลดงบประมาณการตลาด และคาดว่าจะไม่มีการควบรวมกิจการสำคัญๆ ในปีนี้
“บริษัทเราเคยผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายกว่านี้มาแล้ว เราเชื่อว่าเราอยู่ในจุดที่สามารถผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ และจะกลับมาใหม่อย่างแข็งแรงกว่าที่เคย” เจมส์ ควินซีย์ ซีอีโอ โคคา-โคลากล่าว