เรียกได้ว่าเจ็บกันถ้วนหน้า เพราะก่อนหน้านี้ ‘Adidas’ เผยไตรมาสแรกกำไรหายกว่า 90% และคาดว่าไตรมาส 2 หายอีก 40% ล่าสุด ‘Under Armour’ แบรนด์กีฬาได้เปิดเผยผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกว่ารายได้ลดลง 23%
‘Under Armour’ รายงานผลการดำเนินการไตรมาสแรกของปี โดยทำรายได้ 930.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 23% จาก 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขาดทุนสุทธิ 589.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของไวรัส COVID-19 เนื่องจากร้านค้าถูกปิด
เมื่อแยกตามพื้นที่พบว่าในอเมริกาเหนือซึ่งเป็นภูมิภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและมีสัดส่วนประมาณ 65% ของยอดขายทั้งหมดรายรับลดลง 28% เหลือ 609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยอดขายระหว่างประเทศลดลง 12% เหลือ 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้จากการขายส่งลดลง 28% เหลือ 592 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และเมื่อแบ่งตามประเภทสินค้าพบว่า ยอดขายเสื้อผ้าลดลง 23% เหลือ 598 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายรับจากรองเท้าลดลง 28% เหลือ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายรับอุปกรณ์เสริมลดลง 17% เหลือ 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่าหุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 54% ในปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 325 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ อาทิ การเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว โดยเฉพาะพนักงานขายเพื่อช่วยให้บริษัทสามารถฝ่าวิกฤตได้
“ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ในอเมริกาเหนือและการปิดร้านค้าปลีกทำให้เรามีรายได้ลดลงอย่างมากในทุกตลาด” Patrik Frisk ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวในแถลงการณ์
ปัจจุบัน มีผู้ค้าปลีกบางราย เช่น Macy และ Gap เริ่มที่จะกลับมาเปิดร้านในบางสาขา เช่นเดียวกับ Under Armour ที่กำลังรอดูจังหวะเพื่อเปิดให้บริการแบบจำกัดการเข้าใช้