หากคุณเป็นคนชอบวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือชอบทำกิจกรรมกลางเเจ้ง คงกำลังมองหา “หน้ากาก” ที่จะช่วยให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างสะดวกสบายเเละปลอดภัย ท่ามกลางโรคระบาด
เเต่ก็เป็นเรื่องที่ “ยากมาก” เพราะหน้ากากที่ใช้ออกกำลังกายส่วนใหญ่ที่มีขายในท้องตลาด ไม่ได้ถูกออกเเบบ
มาเพื่อกรองอนุภาคต่างๆ เเต่เป็นการจำลองระดับออกซิเจนให้ต่ำ เพื่อช่วยฝึกซ้อมวิ่งในพื้นที่ที่ตั้งอยู่บนความสูง
เหนือระดับน้ำทะเล อย่างพวกวิ่งขึ้นเขาหรือปีนเขา เพิ่มความแข็งแรงของระบบหายใจ
ตอนนี้ Reebok เเบรนด์สินค้ากีฬาชื่อดัง กำลังทำวิจัยเพื่อผลิตหน้ากากให้ตอบสนองความต้องการของคนในปัจจุบันที่ต้องปกปิดใบหน้า ป้องกันเชื้อโรคเเละไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน นวัตกรรมใหม่นี้จะทำให้เราได้เห็นว่า “หน้ากาก” จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในช่วงทศวรรษต่อจากนี้
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าจากปัจจัยมลพิษที่สูงขึ้น ประกอบกับการระบาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นบ่อย จะทำให้หน้ากาก
กลายเป็นส่วนหนึ่งในการออกกำลังกายของเรา เเม้จะผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปแล้วก็ตาม
Don Albert หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมของ Reebok ยุโรป บอกว่า ตอนนี้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย
ผู้คนหันมาสวมหน้ากากในการออกกำลังกายมากขึ้น ถือว่าเป็น New Normal (วิถีชีวิตใหม่) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Albert เเละทีมของเขากำลังพัฒนา “หน้ากากต้นเเบบ” ที่จะปกป้องผู้ที่ออกกำลังกายจากอนุภาคอันตรายต่างๆ
ขณะเดียวกันก็ต้องมีระดับออกซิเจนเหมาะสมกับผู้สวมใส่ เเม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น เเต่ก็ทำให้เรามองเห็นรูปแบบของ “หน้ากากแห่งอนาคตเเบบดิสโทเปีย” ของเรา
“คงจะดีไม่น้อย ถ้าเราสามารถสร้างหน้ากากที่ผู้คนอยากสวมใส่มันจริงๆ ไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องใส่” Albert กล่าว
เเละนี่คือรูปแบบของหน้ากากแห่งอนาคตของ Reebok เพื่อการออกกำลังกาย โดยเปิดตัวมา 3 เเบบดังนี้
THE SENSORIAL MASK
หน้ากากนี้มีรูปแบบคล้ายกับเเบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เเต่จะมีการเปิดเผยให้เห็นช่วงปากอย่างชัดเจน เนื่องจากผลวิจัยผู้ใช้ของ Reebok ส่วนใหญ่มองว่ากีฬาเเละการออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมทางสังคมที่พวกเขาต้องการเเสดงอารมณ์เเละเห็นใบหน้าของผู้อื่น ดังนั้นหน้ากากนี้จะช่วยกรองอนุภาคต่างๆ เเละยังคงช่วยให้ผู้สวมใส่ได้สื่อสารกับสิ่งรอบตัว อีกทั้งหน้ากากนี้จะมีการติดเซ็นเซอร์ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจเเละอัตราการหายใจ ที่ดูได้ผ่าน
เเอปพลิเคชันด้วย
THE IMMERSION MASK
หน้ากากนี้ดูแปลกมากที่สุด เหมือนเป็นหมวกที่ครอบทั้งใบหน้า โดยจะมีเครื่องช่วยหายใจเพื่อรักษาสมดุล ซึ่งถูกออกเเบบมาสำหรับผู้สวมใส่ที่อยากได้รับการปกป้องขั้นสุด ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้สวมใส่หายใจได้อย่างสะดวกด้วย
เเม้จะดูใส่ลำบากกว่าเเบบอื่น เเต่หน้ากากนี้มีศักยภาพที่จะให้ข้อมูลมากที่สุด เนื่องจากมันจะมีเซ็นเซอร์ทั่วทั้งใบหน้าและส่วนหัว นอกจากนี้ยังสามารถปรับสภาพภายในหน้ากากได้ตั้งแต่อุณหภูมิไปจนถึงระดับออกซิเจน
อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยบอกว่าหน้ากากนี้เมื่อสวมใส่เเล้วอาจจะรู้สึกร้อน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตร้อนหรืออบอุ่น เเต่ดีสำหรับพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เเละหน้ากากเหล่านี้คงไม่ได้ใช้กันทั่วโลก เพราะในหลายประเทศก็มี “มีบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับการสวมหน้ากาก” ที่ไม่เหมือนกัน
THE SYMBIOSIS MASK
สำหรับหน้ากากรูปแบบที่ 3 ผู้วิจัยบอกว่าเป็นความพยายามขั้นสุดของการผลิตหน้ากากแห่งอนาคต เพราะจะมีการ
ทำเครื่องช่วยหายใจที่ฝังตัวอยู่กับสารอินทรีย์อย่างสาหร่ายเเละมอส เพื่อทำให้ได้อากาศบริสุทธ์ ในกรณีนี้หน้ากากจะกรองอนุภาคอันตรายอย่างไวรัสได้ด้วย
“เห็นเเล้วว่าสาหร่ายช่วยฟอกอากาศที่มีมลภาวะได้อย่างไร ดังนั้นเราจึงคิดว่าระบบนี้ก็อาจทำให้มีอากาศบริสุทธิ์
ตามธรรมชาติในหน้ากากได้”
เเม้ว่าตอนนี้ Reebok จะยังไม่ได้ทุ่มเงินเพื่อผลิตหน้ากากมากนัก เเต่งานวิจัยนี้ก็ทำให้เห็นว่าบริษัทมองทิศทาง
ของหน้ากากอนามัยอย่างไร เเละในที่สุด วิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็จะทำให้เเบรนด์กีฬาต่างๆ ต้องหันมาลงทุนใน “หน้ากากออกกำลังกาย” อีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างเเน่นอน เพราะจะสิ่งนี้จะกลายมาเป็น “สิ่งจำเป็น”
สำหรับออกกำลังกายในโลกอนาคต
ที่มา : fastcompany / Reebok’s fitness masks point to an even more dystopian future