จากการระบาดของ COVID-19 ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะไม่ใช่แค่โรงภาพยนตร์ที่ถูกปิดลง แต่การถ่ายทำภาพยนตร์ก็ต้องชะงักลง และสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดีย หรือ ‘บอลลีวูด’ (Bollywood) ที่คนไทยน่าจะคุ้นหู น่าจะเป็นประเทศที่เจ็บหนักจาก COVID-19 ที่สุด เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดียมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถผลิตภาพยนตร์ได้กว่า 1,800 เรื่องต่อปีเลยทีเดียว
เศรษฐกิจอินเดียไม่สู้ดีตั้งแต่ปี 2562 ช่วงไตรมาส 3 การขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดีย (จีดีพี) ขยายตัวเพียง 4.5% ทำสถิติช้าที่สุดในรอบ 6 ปี โดยลดลงจากระดับ 5% ในไตรมาส 2 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.7% แต่ที่น่าแปลกคือ อุตสาหกรรมภาพยนตร์บอลลีวูดกลับเฟื่องฟูเป็นพิเศษ โดยช่วงไตรมาส 3 ยอดขายตั๋วภาพยนตร์ของ “พีวีอาร์” เชนโรงภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย เติบโตถึง 15% ขณะที่รายได้ของบ็อกซ์ออฟฟิศทั้งปีในอินเดียสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเกือบ 12% ขณะที่ภาพยนตร์ Hollywood มีสัดส่วนเพียง 15% เท่านั้น
“ในอินเดีย ภาพยนตร์ถือเป็นความบันเทิงราคาถูกที่ผู้คนทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงได้ โดยราคาตั๋วภาพยนตร์ 1 ใบ มีราคาเพียง 75 รูปี (ประมาณ 30 บาท) เท่านั้น”
แต่ปีนี้ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของบอลลีวูด เพราะตั้งแต่อินเดียประกาศมาตรการปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส COVID-19 และรัฐบาลเพิ่งประกาศขยายเวลาต่อไปอีกจนถึงวันที่ 17 พ.ค. นี่เป็นช่วงปิดเทอมของโรงเรียนในอินเดีย ทำให้เหมาะแก่การเปิดตัวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่เพราะการระบาดของ COVID-19 ทำให้ยังไม่รู้ว่าจะต้องเลื่อนฉายไปถึงเมื่อไหร่ อย่างภาพยนตร์แอคชั่นที่ถูกคาดหวังไว้สูงอย่าง “Sooryavanshi” ก็ถูกเลื่อนฉายแบบไม่มีกำหนด
Shubhra Gupta นักวิจารณ์ภาพยนตร์จากหนังสือพิมพ์ Indian Express กล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่มากและมันมีความคาดหวังอย่างมากจากผู้ชม ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่”
Komal Nahta นักวิเคราะห์การค้าภาพยนตร์และพิธีกรรายการโทรทัศน์ระบุว่า การระบาดใหญ่ครั้งนี้มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดียมากกว่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกิดจาดจากการสูญเสียรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศและการผลิตที่ถูกยกเลิกไป
แม้ปัจจุบัน อินเดียจะทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์จนถึงระยะที่ 4 จนสถานการณ์เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าสถานการณ์แพร่ระบาดในอินเดียยังไม่แตะถึงระดับสูงสุด และจะแตะถึงจุดสูงสุดในช่วง มิ.ย. หรือ ก.ค.นี้ โดยปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ในอินเดีย พุ่งสูงเกินตัวเลขในจีนแล้ว มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 4,820 คน ขณะที่ยอดในจีนอยู่ที่ 4,638 คน ส่วนยอดผู้ป่วยสะสมในอินเดียอยู่ที่กว่า 169,000 คน
แม้ว่าโรงภาพยนตร์จะเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่พวกเขาจะยังคงสูญเสียรายได้ต่อไป เพราะโรงภาพยนตร์ไม่สามารถให้บริการได้เต็มที่ เนื่องจากมาตรการ Social Distancing ที่ต้องเว้นระยะห่าง ซึ่งโรงภาพยนตร์ในหลายประเทศ อาทิ จีน รวมถึงประเทศไทย ก็มีการจัดกัดจำนวนผู้เข้าชม
“มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจทำให้ได้รายได้เต็มที่ที่ 50% สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มเล็กถือว่าไม่กระทบมากนัก แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ถือว่าได้ผลกระทบอย่างหนัก”
อ่าน >>> “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” กางมาตรการพร้อมเปิดโรงหนัง นั่งแถวเว้นแถว มีฉากกั้นทุก 4 ที่นั่ง
Arti Nayar ช่างแต่งหน้าศิลปินบอลลีวูด กล่าวว่า “โครงการและกิจกรรมที่เธอเกี่ยวข้องในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ ถูกเลื่อนไปเรื่อย ๆ เนื่องจากไวรัส อย่างในกองจะมีเด็กน้อยที่ดูแลอาหารของพวกเราทุกคนซึ่งมีรายได้เป็นค่าแรงรายวัน ยิ่งกระทบหนัก เพราะเมื่อการถ่ายทำถูกยกเลิก นั่นแปลว่าเขาไม่มีรายได้”
ทั้งนี้ สมาคมผู้ผลิตแห่งอินเดีย (GUILD) ได้จัดตั้งกองทุนบรรเทาทุกข์สำหรับผู้ที่ได้รับค่าจ้างรายวัน เช่น ช่างทำผม ช่างแต่งหน้า และผู้ช่วยที่ทำงานในแผนกเทคนิค โดย Siddharth Roy Kapur ประธาน Guild กระตุ้นสมาชิกของสมาคมภาพยนตร์ให้บริจาคเพื่อพยายามลดความยุ่งยากในชีวิตของเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้