“แคร์รี ลัม” ซัดกลับอเมริกา “สองมาตรฐาน” หนุนม็อบฮ่องกง แต่กลับปราบผู้ประท้วงเหยียดผิว

(Photo by Anthony Kwan/Getty Images)
แคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ออกโรงวิจารณ์รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ว่าทำตัว “สองมาตรฐาน” โดยสนับสนุนม็อบฮ่องกงที่ต่อต้านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ แต่กลับใช้ความรุนแรงปราบผู้ประท้วงต้านเหยียดผิวในอเมริกา

ในการแถลงข่าวครั้งแรกของ ลัม หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศถอนสถานะพิเศษทางการค้าของฮ่องกง ผู้นำหญิงรายนี้ฝากเตือนรัฐบาลประเทศต่างๆ ว่าการใช้บทลงโทษกับฮ่องกงจะทำให้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์เอง

“พวกเขาห่วงใยความมั่นคงของชาติตัวเองเสียเหลือเกิน แต่พอเป็นความมั่นคงของเรา พวกเขากลับมองผ่านเลนส์ที่ถูกตัดแสง (tinted glasses)”

“ที่สหรัฐฯ เราได้เห็นแล้วว่า รัฐบาลท้องถิ่นจัดการกับผู้ประท้วงที่ก่อจลาจลอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับจุดยืนที่พวกเขาแสดงต่อการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่แทบจะเหมือนกันไม่มีผิดเมื่อปีที่แล้ว”

จีนซึ่งเริ่มหมดความอดทนกับกิจกรรมของผู้ประท้วงซึ่งทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี ประกาศเมื่อเดือน พ.ค. ว่าจะบังคับใช้กฎหมายความมั่นแห่งชาติเพื่อป้องปรามขบวนการแบ่งแยกดินแดน, การบ่อนทำลายรัฐ, ลัทธิก่อการร้าย และการแทรกแซงจากต่างชาติ

(Photo by Doug Mills-Pool/Getty Images)

กฎหมายฉบับนี้ยังจะเปิดทางให้หน่วยข่าวกรองจีนสามารถเข้าไปตั้งฐานปฏิบัติการในฮ่องกงได้อย่างเปิดเผยด้วย

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า เวลานี้ฮ่องกงไม่มีอำนาจปกครองตนเองขั้นสูงอย่างที่จีนเคยให้สัญญาไว้เมื่อตอนรับมอบเกาะแห่งนี้กลับคืนจากอังกฤษในปี 1997 ดังนั้นจึงหมดสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ

ทางการจีน และฮ่องกงต่างยืนยันว่าสิทธิและเสรีภาพของประชาชนยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่ง ลัม ก็ได้กล่าวย้ำอีกครั้งในวันนี้ โดยระบุว่า ความวิตกกังวลที่สาธารณชนมีต่อกฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินั้น “เป็นเรื่องที่เข้าใจได้” ในระหว่างที่กฎหมายยังร่างไม่เสร็จ

ตำรวจสหรัฐฯ ยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมโดยสันติที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ ในขณะที่ ทรัมป์ ขู่จะใช้ทหารจัดการพวกที่ลุกฮือก่อจลาจล ซึ่งมีชนวนเหตุมาจากการเสียชีวิตของหนุ่มผิวสี ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ระหว่างถูกตำรวจจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

Photo : Josh Edelson | AFP | Getty Images

หลายเมืองทั่วสหรัฐฯ ต้องประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่มีการลุกฮือประท้วงการลอบสังหาร มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เมื่อปี 1968

ตำรวจสหรัฐฯ ในบางพื้นที่ก็ได้ร่วมเดินขบวนและคุกเข่าแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ประท้วง

สำหรับผู้ประท้วงในฮ่องกงนั้นเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งทั่วไป (universal suffrage) และให้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบกรณีตำรวจฮ่องกงใช้ยุทธวิธีที่ป่าเถื่อนกับผู้ชุมนุม

ทางการฮ่องกงยังไม่เคยถึงขั้นประกาศเคอร์ฟิว ขณะที่ตำรวจก็ปฏิเสธข้อครหาใช้ความรุนแรงเกินเหตุ

Source