ภาคธุรกิจบริการ “จีน” ฟื้นตัวแรงหลังวิกฤตไวรัส แต่บริษัทยังระวังตัว ไม่จ้างงานเพิ่ม

(Photo by Kevin Frayer/Getty Images)
ผ่านไปเกือบ 3 เดือนหลังประเทศจีนควบคุมโรคระบาด COVID-19 ได้ และอนุญาตให้บริษัทห้างร้านกลับมาเปิดทำการตามปกติ ในที่สุด เศรษฐกิจจีนบางส่วนเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวแล้วเริ่มจาก “ภาคธุรกิจบริการ” อย่างไรก็ตาม ภาคผลิตและส่งออกยังซึมเนื่องจากทั้งโลกเพิ่งเริ่มควบคุมการระบาดได้ ทำให้ภาพรวมการจ้างงานของจีนยังไม่เติบโตเพราะบริษัทยังควบคุมต้นทุน

สถาบันสำรวจเอกชน Caixin/Markit เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งเน้นสำรวจการจัดซื้อของบริษัทเอกชนและธุรกิจขนาดเล็กในจีนเป็นหลัก พบว่าดัชนี PMI ในภาคธุรกิจบริการเพิ่มขึ้นจาก 44.4 ในเดือนเมษายน เป็น 55.0 ในเดือนพฤษภาคม

ดัชนีที่ขึ้นไปสูงกว่า 50.0 นั้นสะท้อนให้เห็นการเติบโตในภาคธุรกิจ นับเป็นการเติบโตครั้งแรกตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อเดือนมกราคม และยังเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2010 ด้วย

หากรวมดัชนี PMI ทั้งภาคบริการและภาคการผลิต จะเพิ่มขึ้นจาก 47.6 ในเดือนเมษายน เป็น 54.5 ในเดือนพฤษภาคม เป็นการเติบโตที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2011

ภาคธุรกิจบริการของจีนเป็นเซคเตอร์ที่สำคัญมาก เพราะคิดเป็น 60% ของเศรษฐกิจประเทศและเป็นแหล่งงานสำคัญ โดยการเติบโตสูงในช่วงหลังจากผ่านวิกฤต COVID-19 เกิดจากบริษัทท้องถิ่นเปิดใหม่เป็นจำนวนมาก และเป็นการเติบโตที่มากที่สุดในรอบเกือบสิบปี

 

การจ้างงานยังต่ำ บริษัทคุมต้นทุน

อย่างไรก็ตาม จากดัชนี PMI จะเห็นได้ว่าภาคการผลิตยังเติบโตไม่สูงนัก เพราะการส่งออกของจีนยังคงหดตัว เนื่องจากพื้นที่อื่นของโลกยังควบคุมโรคระบาดไม่ได้หรือเพิ่งเริ่มควบคุมได้เท่านั้น ทำให้ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่ และส่งผลต่อเนื่องถึงการจ้างงาน

(photo: pixabay)

แดน หวัง นักวิเคราะห์จาก Economist Intelligence Unit กล่าวว่า ภาคบริการของจีนช่วยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการล็อกดาวน์ต่างๆ ผ่อนคลายลง มีผลต่อเนื่องให้ภาคการผลิตฟื้นตัวขึ้นบ้างจากความต้องการภายในประเทศ แต่เมื่อดีมานด์ต่างประเทศยังต่ำ คาดว่าจะเกิดกำลังผลิตส่วนเกินในช่วงปลายปีนี้และมีผลกับการจ้างงาน ทำให้อัตราว่างงานของจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นไปแตะ 18% ภายในไตรมาส 2 ของปี

หวัง เจ้อ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Caixin กล่าวเช่นกันว่า แม้ดัชนี PMI จะสูงขึ้น แต่การจ้างงานยังน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทส่วนใหญ่ที่สำรวจแสดงออกถึงนโยบายระมัดระวังตัวในการจ้างงานเพิ่ม เพราะต้องการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพจากสิ่งที่มีอยู่

“โดยทั่วไปแล้ว การฟื้นตัวของดีมานด์-ซัพพลายในช่วงนี้ยังไม่สามารถเทียบได้กับส่วนที่หายไปในช่วงที่เกิดโรคระบาด และเศรษฐกิจจีนยังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อกลับไปสู่สภาวะปกติ” หวังกล่าว

ถึงอย่างนั้น บริษัทส่วนมากยังมองอนาคตในแง่บวก และรอคอยนโยบายของรัฐที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจีนได้แสดงท่าทีออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่า รัฐบาลได้พับแผนไปสู่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตั้งเป้าไว้ แต่จะหันมาเน้นเรื่องการสร้างงานแทน

Source