สหรัฐฯ คาด อาจมีร้านค้ากว่า 25,000 แห่งต้อง ‘ปิดตัว’ ในปีนี้ เพราะทนพิษ COVID-19 ไม่ไหว

BROOKLYN, NEW YORK, UNITED STATES - 2020/06/04: Target, one of the many storefront businesses boarded in downtown Brooklyn over the fears of looting. (Photo by Erik McGregor/LightRocket via Getty Images)

สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะยังน่าเป็นห่วง เพราะปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อกว่า 2.02 ล้านราย เสียชีวิตรวมกว่า 1.14 แสนราย รักษาหาย 6.02 แสนราย ซ้ำร้ายยังมีชาวอเมริกันที่ออกชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ และหนึ่งในผลกระทบที่ตามมานั้น อาจทำให้ร้านค้ารายย่อยมากถึง 25,000 ร้านค้า อาจต้องปิดตัวลง เนื่องจากร้านค้าต่าง ๆ อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่จะ ‘ล้มละลาย’

จากการติดตามของ Coresight Research ที่ติดตามร้านค้าปลีกประมาณ 55% ถึง 60% ของร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าในอเมริกา Coresight คาดว่าช่วงต้นปีนี้อาจมีร้านค้าปิดมากกว่า 15,000 แห่ง เฉพาะร้านค้าปลีกที่ได้รับการเปิดเผย ยังไม่รวมร้านที่ไม่เปิดเผยซึ่งอาจจะมีจำนวนมากถึง 20,000-25,000 ร้านค้าที่ต้องปิดตัวลงในปี 2563 โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาการล้มละลายในธุรกิจค้าปลีกเริ่มขึ้น อย่างห้างสรรพสินค้าในเครือ Neiman Marcus, Stage Stores และ J.C. Penney ก็ได้ยื่นฟ้องล้มละลายไปแล้วเรียบร้อย

“เราคาดว่าการที่มูลค่าตลาดค้าปลีกจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากในช่วงนี้ ผู้บริโภคยังขาดความเชื่อมั่นและความต้องการใช้จ่าย” Deborah Weinswig ผู้ก่อตั้ง Coresight และซีอีโอ กล่าว

อ่าน >>> วิเคราะห์ 4 เหตุผลที่ ‘ค้าปลีก’ ใน ‘อเมริกา’ จะไม่กลับมาสดใสเหมือน ‘จีน’

รายงานแยกต่างหากโดย eMarketer ระบุว่า ยอดขายสินค้าทุกหมวดหมู่ลดลงหมดเพราะ COVID-19 ยกเว้นอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยคาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกรวมในสหรัฐฯ จะลดลงมากกว่า -10% ในปี 2020 และมูลค่าจะไม่กลับไปที่ระดับก่อนเกิด COVID-19 จนถึง 2022 ในขณะเดียวกันยอดขายอีคอมเมิร์ซกลับเพิ่มขึ้น 18%

“นี่คือ ภาพการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ชัดที่สุดในหลายทศวรรษของสหรัฐอเมริกา” ซินดี้ หลิว นักวิเคราะห์อาวุโสของ eMarketer กล่าว

Source