Walmart ห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ เป็นห้างรายล่าสุดที่ออกกฎให้ลูกค้าต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือเครื่องป้องกันใบหน้าก่อนเข้าใช้บริการ เริ่มวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ โดยก่อนหน้านี้มีค้าปลีกรายใหญ่หลายแห่งที่ออกกฎแบบเดียวกัน เช่น Best Buy, Costco, Apple Store ส่งผลให้เกิดการปะทะระหว่างพนักงานร้านกับลูกค้าที่ไม่ยอมสวมมาสก์แต่ยืนยันจะเข้าใช้บริการ
ห้างสรรพสินค้า Walmart ประกาศนโยบายใหม่ออกกฎให้ลูกค้า “ต้อง” สวมหน้ากากอนามัยหรือเครื่องป้องกันใบหน้าเมื่อเข้าใช้บริการในร้าน เริ่มต้นวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโรคระบาด COVID-19 ในสหรัฐฯ ยังพุ่งทะยานในหลายรัฐ
ดาโคนา สมิธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Walmart U.S. แถลงในประกาศบนเว็บไซต์บริษัทว่า สาขา Walmart และ Sam’s Club ห้างค้าส่งในเครือ มีจำนวนรวมกันกว่า 5,000 สาขา 65% ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่ที่รัฐได้ออกกฎหมายระบุให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอยู่แล้ว และนโยบายใหม่นี้จะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับทั้งพนักงานและลูกค้า
“แม้ว่าเราจะไม่ใช่รายแรกที่ออกนโยบายให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย แต่เราก็ทราบดีว่า นี่คือขั้นตอนที่ง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและผู้อื่น” แถลงการณ์กล่าว
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีการออกกฎระเบียบแยกกันแต่ละรัฐ ทำให้บางรัฐยังไม่มีกฎหมายกำกับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ดังนั้น พนักงานของห้างค้าปลีกหลายแห่งที่มีนโยบายให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย จึงต้องทำหน้าที่ควบคุมลูกค้าให้ทำตามกฎด้วยตนเอง
แต่ไม่ว่าจะมีกฎของรัฐหรือไม่ การบังคับให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าห้างฯ ก็เป็นภาระที่ท้าทายของพนักงาน ในบางกรณี นโยบายเหล่านี้ทำให้พนักงานกับลูกค้าต้องเผชิญหน้ากันด้วยอารมณ์คุกรุ่น และกลายเป็นคลิปไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างห้างค้าส่ง Costco ออกนโยบาย “บังคับ” ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม และแน่นอนว่ามีลูกค้าที่ไม่ยอมทำตามกฎจนเกิดกระแสบอยคอต Costco ในช่วงนั้น
ก่อนหน้านี้ ห้างสรรพสินค้า Best Buy เริ่มต้นบังคับใช้นโยบาย “กระตุ้นให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัย” แต่ไม่บังคับ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2020 โดยก่อนจะเริ่มใช้นโยบาย โครี แบร์รี่ ซีอีโอ Best Buy แถลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมว่า บริษัทมีการจัดเทรนนิ่งให้พนักงานเพื่อเตรียมตัวรับมือ “ผ่อนคลายสถานการณ์” หากพนักงานต้องเผชิญหน้ากับลูกค้าที่ “หวาดกลัว โมโห และอาจก่อความรุนแรง” จากนโยบายกระตุ้นให้สวมหน้ากากอนามัยของบริษัท
“สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้มีตั้งแต่ลูกค้าที่หงุดหงิดเพราะไม่สามารถเดินตรงเข้าร้านได้เลยเหมือนอย่างเคย ไปจนถึงลูกค้าที่อาจจะไม่ต้องการสวมหน้ากากอนามัยโดยเด็ดขาด” แบร์รี่กล่าวกับนักข่าวในงานแถลงเมื่อ 2 เดือนก่อน
สำหรับ Walmart ก็มีมาตรการรับมือที่คล้ายคลึงกัน คือมีการแต่งตั้งพนักงานที่จะบังคับใช้นโยบายนี้กับลูกค้าโดยเฉพาะเรียกว่าตำแหน่ง “ทูตสุขภาพ” พนักงานกลุ่มนี้จะได้รับการฝึกให้ดูแลนโยบายสวมหน้ากากอนามัย และจะประจำที่หน้าประตูทางเข้า หากลูกค้าไม่มีหน้ากากมา ร้านอาจจะมีหน้ากากแจกฟรีให้ใช้ หรือมีจุดจำหน่ายหน้าประตู
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก โดยความรู้สึกเบื้องหลังการต่อต้านมีหลายเหตุผล สำนักข่าว VOA รายงานว่า ชาวอเมริกันไม่สวมหน้ากากอนามัยเพราะยังไม่ตระหนักถึงอันตรายของโรค COVID-19 เชื่อว่าตนเองแข็งแรงพอ หากติดเชื้อก็จะไม่มีอาการรุนแรง บ้างก็ไม่กล้าใส่หน้ากากอนามัยเพราะจะกลายเป็นจุดสนใจหรือถูกมองว่าน่าอาย
และสุดท้ายคือการยึดมั่นในเสรีภาพ ปัจเจกนิยม สิทธิเหนือเนื้อตัวร่างกายของตนเอง ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด ชาวอเมริกันจะถือว่าตนเองมีสิทธิเลือกที่จะไม่ใส่หน้ากากอนามัย
Source: CNBC, VOA, MarketWatch