พบชาวสวีเดนที่ยื่นขอสิทธิความเป็นพลเมืองฟินแลนด์ เฉพาะตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนมากกว่าตลอดทั้งปี 2019 ถึงเท่าตัว ด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูตคาดเดาว่าสาเหตุหลักน่าจะมาจากแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ไวรัส COVID-19 ที่ผิดแผกแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ของสวีเดน
ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2020 จนถึงปัจจุบัน มีพลเมืองสวีเดนกว่า 300 คนที่ยื่นขอสิทธิความเป็นพลเมืองฟินแลนด์ ผิดกับตลอดทั้งปี 2019 ซึ่งมีผชาวสวีเดนยื่นขอสัญชาติฟินแลนด์เพียง 152 คน
“เราได้รับคำร้องจำนวนมาก และนี่มันเพิ่งฤดูร้อนเอง” จัวนิ ลัคโซเน่น รองหัวหน้าสำนักงานด้านการทูต ณ สถานทูตฟินแลนด์ ประจำกรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดนกล่าว
“เราไม่แน่ใจ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงยื่นขอเป็นพลเมืองฟินแลนด์ แต่บางทีมันอาจเป็นเพราะโคโรนาไวรัส ผู้คนอาจต้องการรับประกันว่าพวกเขาสามารถเดินทางไปยังฟินแลนด์ได้”
เจ้าหน้าที่เผยว่าผู้ยื่นคำร้องส่วนใหญ่เป็นอดีตพลเมืองฟินแลนด์ ที่หันไปถือครองสัญชาติสวีเดนก่อนปี 2003 เนื่องจากหลังจากปีดังกล่าว ฟินแลนด์ได้อนุญาตให้พลเมืองถือ 2 สัญชาติได้
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ฟินแลนด์ยังคงปิดชายแดนที่ติดกับสวีเดน สำหรับบุคคลใดก็ตามที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเดินทางเข้าประเทศ
ในเดือนมิถุนายน รัฐบาลฟินแลนด์ผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ สำหรับผู้มาเยือนจากประเทศอื่น ที่มีอัตราส่วนผู้ติดเชื้อสูงสุดไม่เกิน 8 คนต่อประชากร 100,000 คนในช่วง 14 วันหลังสุด ซึ่ง ณ ปัจจุบัน สวีเดนยังไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าว
ทั้งสองประเทศใช้แนวทางตอบสนองต่อโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยฟินแลนด์เลือกปิดชายแดนและกำหนดมาตรการล็อกดาวน์นานหลายสัปดาห์ ส่วนสวีเดน ปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ โดยเพียงขอให้ประชาชนมีความรับผิดชอบ และปฏิบัติตามตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านการเว้นระยะห่างทางสังคมเท่านั้น และยังอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจอีกด้วย
จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของสวีเดน เพิ่มขึ้นเท่าตัวนับตั้งแต่เข้าสู่เดือนมิถุนายน ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในชาติที่มีอัตราผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยจนถึงวันที่ 17 ก.ค.
สวีเดนมีประชากร 10.23 ล้านคน พบผู้ติดเชื้อแล้ว 76,877 คน เสียชีวิต 5,593 คน ส่วน ฟินแลนด์ชาติที่มีประชากร 5.5 ล้านคน ยืนยันผู้ติดเชื้อ 7,301 คน เสียชีวิต 328 คน