ภาพรวมของตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุ (Parcel Delivery) เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2560-2562) โดยมีการขยายตัวเฉลี่ย 40% ต่อปี สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ไทยที่เติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี ขณะที่การระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ตลาดขนส่งพัสดุเติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดวิกฤติ
รู้จัก BEST Express
แน่นอนว่าการเติบโตระดับนี้ ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาขอส่วนแบ่ง และหนึ่งในนั้นก็คือ ขาใหญ่ในตลาดจีนอย่าง BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) บริษัทโลจิสติกส์ Top 5 จากแดนมังกรที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2007 โดย ‘จอห์นนี่ ซูว’ ซึ่งมีประสบการณ์เคยดำรงตำแหน่งรองประธานกูเกิลในจีน และมี ‘แจ็ค หม่า’ เป็นผู้ร่วมลงทุน หรือพูดง่าย ๆ ว่ามียักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซจีน ‘อาลีบาบา’ หนุนหลัง
ปัจจุบันได้ขยายออกไป 25 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่จีน อเมริกา เยอรมัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี จนมาถึง ไทย ในปี 2019 และเเตกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสำหรับประเทศไทยนั้น เบสท์ เอ็กซ์เพรสได้วางงบลงทุนไว้ถึง 5,000 ล้านบาท ไว้ใช้ในช่วง 5 ปีจากนี้ และประจวบเหมาะกับวิกฤติ COVID-19 ทำให้ยอดขนส่งพัสดุในปี 2020 เติบโต 10 เท่า มียอดการส่งพัสดุเฉลี่ย 2.5 แสนชิ้นต่อวัน
อัดงบลงทุนขยายสาขา
เบื้องต้น BEST Express เตรียมลงทุนในปีนี้ที่ 300 ล้านบาท โดยจะเพิ่มคลังสินค้าจาก 7 แห่ง เป็น 10 แห่งในสิ้นปีนี้ รวมถึงลงทุนด้านเทคโนโลยี AI และการขนส่ง เป็นต้น นอกจากนี้จะเพิ่มสาขาเป็น 800 สาขาในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมี 500 สาขา และจะเพิ่มเป็น 2,000 สาขา ภายในปี 2565 โดยแผนระยะสั้นจะเน้นขยายฐานการตลาดลงพื้นที่ท้องถิ่น ก่อนจะเตรียมผนึกรวมเครือข่ายของ BEST Express ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อจับตลาดส่งสินค้าระหว่างประเทศ (cross border)
“เราชื่อว่าแม้สถานการณ์ Covid-19 จะคลี่คลายแต่ยอดส่งพัสดุยังไม่ตก แม้ว่าช่วงล็อกดาวน์ยอดตกบ้างเล็กน้อย เพราะผู้บริโภคไปซื้อของที่ห้าง แต่รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนในยุคนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ออนไลน์แล้ว ดังนั้นเราจะไม่มีการหยุดลงทุน มีแต่จะลงทุนเพิ่ม” เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ดึงซุปตาร์เบอร์ใหญ่เป็นพรีเซ็นเตอร์
แม้จะเป็นน้องใหม่ที่มาช้ากว่าใครเพื่อน เเต่ความหนักของกระเป๋าไม่เป็นรองใคร ดังนั้นคู่เเข่งรายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น KERRY ที่ดึง เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือ J&T Express ก็มี มาริโอ้ เมาเร่อ และ Flash มีพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี แต่เพราะต้องการเป็น ‘THE BEST’ ซุปตาร์ที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์จึงต้องเเถวหน้าเท่านั้น ดังนั้นจึงได้ดึง ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ มาร่วมงานเปิดตัวเเบรนด์ และใช้ ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ ในส่วนแผนการทำการตลาดว่าจะใช้งบ 10% จากรายได้ โดยมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก พร้อมมีมาสคอต ‘น้องกวางเบสท์’ หรือ Dear (De ตี้ –Ar เอ๋อ) นอกจากนี้จะมุ่งการทำการตลาดในเชิง CSR มากขึ้น
ขอเป็นผู้นำภายใน 3 ปี
เนื่องจากเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาด ดังนั้นความท้าทายใหญ่ของ BEST Express คือเรื่องของ ทำเล ที่โดนแย่งชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ไปหมด และคน ดังนั้น จึงแก้เกมด้วยบริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านฟรีไม่จำกัดจำนวนชิ้น อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ไม่ต้องไปสาขาเอง พร้อมด้วยบริการเก็บเงินปลายทาง (COD : Cash on deliver) โดยโอนภายใน 1 วัน (เฉพาะธนาคารกสิกรไทย) และมีเทคโนโลยี Automatic Tracking System ที่แจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ ผ่าน BEST Application และ Line Official Account: @BESTEXPRESSTH
แต่จุดที่จะทำให้ BEST Express สามารถขึ้นเป็นผู้นำในตลาดได้ภายใน 3 ปีตามที่วางแผนไว้นั้นก็คือ ความเป็น “One Stop Integrated Supply Chain Services” หรือผู้ให้บริการแบบครบวงจร โดยครอบคลุมทั้งการขนส่งภายในและต่างประเทศ รวมถึงยังมีธุรกิจไฟแนนซ์ เข้ามาให้บริการกับกลุ่มแฟรนไชส์ ที่ต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจ โดยมีการการให้ดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยอุดช่องวางการขยายจุดให้บริการที่ช้าลงได้
“เรามองเห็นโอกาสใหญ่ของประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเราเชื่อมั่นว่าจะเป็นผู้นำในตลาดไทยทั้งส่วนแบ่งตลาดและคุณภาพภายใน 3 ปี ด้วยจุดแข็งคือ เทคโนโลยี การเจาะลึกแต่ละท้องถิ่น ที่เราดูแลพาร์ตเนอร์อย่างใกล้ชิด เราไม่มีแนวคิดจะแข่งด้วยราคา และเราไม่ได้ราคาถูกสุด เราเริ่มต้นที่ 30 บาท แต่ในอนาคตถ้าเรามียอดวอลลุ่มมากขึ้น ราคาเราก็จะถูกลง”