หลังมีกระเเสการเลิกผลิตเครื่องบินเครื่องบินโดยสาร Boeing 747 “จัมโบ้เจ็ต” สัญลักษณ์ของการเดินทางระยะไกล มาสักระยะหนึ่ง ล่าสุดทาง Boeing ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการเเล้วว่าจะ “ยุติการผลิต” ภายในปี 2022 นี้ จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้การเดินทางทั่วโลกต้องหยุดชะงัก เเละปัจจุบันสายการบินต่างๆ ก็หันมาใช้เครื่องบินรุ่นประหยัดเชื้อเพลิงกันมากขึ้น ตามเทรนด์ของยุคสมัย
ธุรกิจการบินกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ในรอบศตวรรษ เมื่อยอดผู้โดยสารลดฮวบเเละต้องปลดพนักงานเพื่อความอยู่รอด บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินก็ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่ลดลงอย่างมาก เรียกได้ว่าสะเทือนไปทั้งอุตสาหกรรม
โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ในปีนี้ของ Boeing ขาดทุนไปกว่า 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้ดิ่งลง 25% เหลือ 11,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการผลิตเครื่องบินลดลงในหลายรุ่น รวมถึง Boeing 787 และ 777 ด้วย
เเม้ช่วงนี้การเดินทางท่องเที่ยวจะซบเซา เเต่อุปสงค์สำหรับเครื่องบินขนส่งสินค้า “เพิ่มสูงขึ้น” อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำสั่งซื้อ Boeing 747-8F เข้ามาเลย นับตั้งเเต่มีการส่งมอบเครื่องบินรุ่น 747 ให้สายการบินลุฟต์ฮันซา ตั้งเเต่เดือนเมษายน ปี 2015 โดยตอนนี้ Boeing ยังเหลือเครื่องบิน 747-8F ที่ยังค้างอยู่ในสต๊อกถึง 15 ลำ
สำหรับ Boeing 747 เป็นตำนานจัมโบ้เจ็ต ที่มีอายุนานกว่า 50 ปี รองรับผู้โดยสารได้ถึง 400 คน มีฉายาว่า “ราชินีแห่งท้องฟ้า” และครองตำแหน่งเจ้าการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศ
ก่อนจะถูกซ้ำเติมด้วย COVID-19 เครื่องบิน Boeing 747 ก็เริ่มไม่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายสายการบิน เริ่มปลดระวางเเละนำไปใช้เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าหรือคาร์โกเเทน
ขณะเดียวกัน การมาของ “เทรนด์ประหยัดพลังงาน” ทำให้สายการบินส่วนใหญ่หันไปใช้เครื่องบินที่มีขนาดเล็กกว่าเเละประหยัดเชื้อเพลิงกว่าอย่าง Boeing 787 Dreamliner, Boeing 737 เเละ Airbus A350
Boeing ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจะยังคงให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานและซ่อมบำรุงเครื่องบิน 747 ต่อไปในอนาคต โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสายการบินใหญ่อย่าง British Airways เเละ Qantas ได้ประกาศยุติการใช้งาน Boeing 747 เป็นที่เรียบร้อย
เหล่าผู้ผลิตเครื่องบินต้องปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อพยุงธุรกิจ โดยล่าสุด Boeing ได้ส่งข้อความที่ส่งถึงพนักงานว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดการจ้างงานเพิ่มเติม หลังช่วงต้นปี เคยประกาศว่าจะลดพนักงานลง 10% พร้อมลดกำลังผลิต Boeing 787 และ 777 ส่วน 737 Max แม้จะปรับเพิ่มการผลิต แต่ก็เป็นการปรับขึ้นอย่างช้าๆ กว่าแผนเดิมที่เคยวางเอาไว้
ด้านสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ออกมาปรับคาดการณ์ใหม่ว่า ธุรกิจการบินจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เเละต้องรอไปจนถึงปี 2024 กว่าที่จำนวนผู้โดยสารทั่วโลกจะกลับมาเท่าช่วงก่อนโรคระบาด
โดยการฟื้นตัวของการเดินทางระยะสั้น จะฟื้นตัวเร็วกว่าการเดินทางระยะไกล เเละคาดว่าจำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั่วโลกจะลดลง 55% เมื่อเทียบกับปี 2019 เเย่กว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายนที่ 46% สำหรับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทราฟฟิกของผู้โดยสารลดลง 86.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าดีขึ้นจากการหดตัวถึง 91% ในเดือนพฤษภาคม หลังได้รับอานิสงส์การเดินทางที่เพิ่มขึ้นบ้างในตลาดจีน
เเม้อัตราการเดินทางทางอากาศได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้ว เเต่อุตสาหกรรมการบินจะกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ เเละยังถือว่าอ่อนแออยู่มาก