ไวรัสทำไรไม่ได้! “เสียวหมี่” เปิดรายได้ครึ่งปีแรก 1.03 แสนล้านหยวน กำไรเพิ่มขึ้น 22.3%

(Photo by Alex Tai/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)
เสียวหมี่ เปิดผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ก็ยังโตสวนกระแส มีรายได้รวม 1.03 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.9% ส่วนกำไรอยู่ที่ 15,260 ล้านหยวน เติบโต 22.3%

ข้อมูลสำคัญทางการเงิน ครึ่งปีแรก ปี 2563

  • รายรับรวมอยู่ที่ 1.03 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • กำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 15,260 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 22.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • กำไรสำหรับงวดนี้อยู่ที่ประมาณ 6,650 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 29.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • กำไรสุทธิที่ยังไม่ได้ปรับปรุงตาม IFRS อยู่ที่ประมาณ 5,670 ล้านหยวน ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
  • กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.279 หยวน
Xiaomi
(Photo by Avishek Das/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

ข้อมูลสำคัญทางการเงิน ไตรมาสที่ 2 ปี 2563

  • รายรับรวมอยู่ที่ประมาณ 53,540 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.7% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
  • กำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 7,700 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1.9% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
  • กำไรสำหรับงวดนี้อยู่ที่ประมาณ 4,490 ล้านหยวนเพิ่มขึ้น 129.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 108% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
  • กำไรสุทธิที่ยังไม่ได้ปรับปรุงตาม IFRS อยู่ที่ประมาณ 3,370 ล้านหยวน ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 46.6% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
  • กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.189 หยวน

สมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลก

ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดจากการระบาดของ COVID-19 ในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก เสียวหมี่มีรายรับจากเซกเมนต์สมาร์ทโฟนในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 61,952 ล้านหยวน และรายได้ในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 31,628 ล้านหยวน มียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 28.3 ล้านหน่วย

จากข้อมูลของ Canalys ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 เสียวหมี่อยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกในด้านยอดจัดส่งสมาร์ทโฟน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10.1% สำหรับตลาดต่างประเทศ การจัดส่งสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มีราคาขายปลีกตั้งแต่ 300 ยูโรขึ้นไปเพิ่มขึ้น 99.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 โดยได้รับแรงหนุนจากสัดส่วนยอดขายที่สูงขึ้นจากสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงระดับไฮเอนด์ ราคาขายโดยเฉลี่ยสมาร์ทโฟนของกลุ่มบริษัทเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 11.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 7.5% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส

กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ ยังคงดำเนินกลยุทธ์ Dual Brand ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม สมาร์ทโฟนแฟลกชิพรองรับเทคโนโลยี 5G ของเสียวหมี่ รุ่น Mi 10 และ Mi 10 Pro เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และมียอดจัดส่งเกินหนึ่งล้านเครื่องภายในเวลาเพียงสองเดือน ในเดือนสิงหาคม 2563 เสียวหมี่ได้เปิดตัว Mi 10 Ultra และได้คะแนน DXOMARK ที่ 130 สำหรับประสิทธิภาพของกล้องโดยรวม ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลกอีกครั้งในช่วงเวลาที่เปิดตัว และมียอดขายเกิน 400 ล้านหยวนหลังจากเปิดตัวไปเพียง 10 นาที

สำหรับแบรนด์ เรดมี่ ยังคงทำให้เทคโนโลยี 5G เข้าถึงตลาดมวลชนได้เป็นอย่างดี ในเดือนมิถุนายนปี 2563 กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ได้เปิดตัว เรดมี่ 9A ซีรีส์ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 499 หยวน และต่อมาได้เปิดตัว เรดมี่ K30 Ultra ในเดือนสิงหาคม โดยมีคุณสมบัติระดับพรีเมียมรอบด้าน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,999 หยวน

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวโรงงานอัจฉริยะเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 600 ล้านหยวน ซึ่งเป็นการเปิดยุคแห่งการผลิตเหนือระดับที่โรงงานของเสียวหมี่ โดย Mi 10 Ultra นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นอัลตร้าไฮเอนด์รุ่นแรกที่ดำเนินการผลิตที่โรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่แห่งนี้

สมาร์ทโฟน X AIoT

รายรับจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 28,237 ล้านหยวน และในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 15,253 ล้านหยวน ยอดจัดส่งโทรทัศน์ทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงอยู่ที่ 2.8 ล้านเครื่อง ซึ่งเติบโตขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี แม้ว่าตลาดโทรทัศน์โดยรวมจะหดตัวลง จากข้อมูลของ All View Cloud (“AVC”) ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ยอดจัดส่งโทรทัศน์ของกลุ่มบริษัทเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ในอันดับที่ 1 เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน อีกทั้งยังติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรกของโลกอีกด้วย

ในไตรมาสที่ 2 เสียวหมี่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แฟลกชิพสองรุ่นใน Mi TV Master Series ใหม่ ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าในตลาดพรีเมียม ในเดือนกรกฎาคม 2563 กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ได้เปิดตัวโทรทัศน์ OLED รุ่นแรกคือ “Mi TV Lux 65” OLED” และในเดือนสิงหาคม 2563 ได้เปิดตัวโทรทัศน์ระดับไฮเอนด์พิเศษรุ่นที่สองใน Mi TV Master Series นั่นคือ “Mi TV LUX Transparent Edition” ซึ่งเป็นโทรทัศน์แบบโปร่งใสรุ่นแรกของโลก

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 จำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อ (ไม่รวมสมาร์ทโฟน และแล็ปท็อป) บนแพลตฟอร์ม IoT ของเสียวหมี่มีจำนวนถึงประมาณ 271 ล้านหน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้น 38.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ห้าเครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม IoT ของเสียวหมี่ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5.1 ล้านคน ซึ่งเติบโตขึ้น 63.9% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะเดียวกัน Mi Home App มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน 40.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่เสียวหมี่ 67.9% และในเดือนมิถุนายน 2563 ผู้ช่วยเสียวหมี่ AI “小愛同學” มีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน 78.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 57.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

บริการอินเทอร์เน็ต

รายรับของเซกเมนต์บริการอินเทอร์เน็ตในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 11,808 ล้านหยวน และไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 5,908 พันล้านหยวน จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 23.3% เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 343.5 ล้านคน ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI ของจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 109.7 ล้านคน

ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 รายรับจากโฆษณาเพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3,100 ล้านหยวน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของรายรับโฆษณาในต่างประเทศ รวมถึงงบประมาณด้านโฆษณาในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตนอกเหนือจากการโฆษณาและเกมจากสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งรวมถึงรายรับจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Youpin ธุรกิจฟินเทค บริการอินเทอร์เน็ตทีวี และบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคิดเป็น 39% ของรายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมด

ในเดือนมิถุนายน 2563 จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของสมาร์ททีวีเสียวหมี่ และ Mi Box มีจำนวนถึง 32.0 ล้านคน เพิ่มขึ้น 41.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 จำนวนผู้ใช้บริการแบบชำระเงินเพิ่มขึ้น 33.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 4.0 ล้านราย