รู้จัก ‘บุญจิรา’ ผู้รับไม้ต่อจาก ‘ต้อม จิรัฐ’ บริหาร BNK48 ในยุคไอดอลเริ่มซา

เป็นเวลากว่า 3 ปีที่ ‘BNK48’ ได้ก่อตั้งขึ้นในไทยโดยบริษัท ‘BNK48 Office’ ที่ปัจจุบันบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘Independent Artist Management’ จำกัด หรือ ‘iAM’ เพื่อขยายธุรกิจจากเดิมจากที่มีแค่วง BNK48 และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มี ‘ดราม่า เธียเตอร์’ ดราม่าใหญ่ที่ส่งผลให้ ‘ต้อม จิรัฐ บวรวัฒนะ’ และ ‘ณัฐพล บวรวัฒนะ’ หรือ ‘จ๊อบซัง’ 2 ผู้ปลุกปั้น BNK48 ได้ออกมาประกาศถอนตัวออกจากการบริหารงาน 48 Group และจากนั้นไม่นาน ทั่วโลกรวมถึงไทยก็ได้เผชิญกับวิกฤติ ‘COVID-19’ ซึ่งทำให้ข่าวคราวของ BNK48 หายหน้าไป จนล่าสุด iAM ก็คว้า คุณบุญจิรา ธีระมโน ที่เคยผ่านงานจาก ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค ไทยแลนด์ และ BEC World มาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด พร้อมกับโจทย์ ต่อยอดความสำเร็จเดิมของ BNK48 และสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัท

ผุดกลยุทธ์ ‘3-Os’ รักษาโอตะเก่าและเพิ่มโอตะใหม่

ไม่ใช่แค่เผชิญกับวิกฤติ COVID-19 แต่ก่อนหน้านี้ ลาดไอดอล’ ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากทั้งทางตรงจากวงไอดอลต่าง ๆ รวมถึงทางอ้อมอย่างเหล่าอินฟูลเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดีย ขณะที่ BNK48 ก็ไม่ได้อยู่ในจุดพีคเหมือนช่วง ‘คุกกี้เสี่ยงทายฟีเวอร์’ แล้ว ซึ่งคุณบุญจิราได้ระบุว่า จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษา Core Fanclub หรือเหล่า ‘โอตะ’ รวมถึงทำให้ BNK48 แมสมากขึ้น ไม่ใช่นีชเหมือนที่เคย เพราะอย่างที่รู้ว่านี่คือ ธุรกิจ Fan Base ดังนั้น หัวใจสำคัญคือการ มัดใจและเพิ่มจำนวนโอตะให้ได้

โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ ‘3-Os’ ได้แก่ 1.Online โดยมีการทำ Online Content สร้าง Exposure และ Awareness ผ่านทุกช่องทาง Social Media และ Digital Platform อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Exclusive Content ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน iAM48 รวมถึงการนำออฟไลน์อีเวนต์มาถ่ายทอดสดทางออนไลน์ และมีกิจกรรมอย่าง ‘Vitual greeting’ ที่ใช้แทนการจับมือในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา

2.ONGROUND โดยครึ่งปีหลังนี้ จะมี 2 BIG EVENT ใหญ่ ได้แก่ ‘BNK48 JANKEN TOURNAMENT 2020 – SENBATSU OF DESTINY’ หรือ งานเป่ายิ้งฉุบ ที่นับเป็นการจัดงาน JANKEN ครั้งแรกในไทย ส่วนงาน Signature อย่าง ‘Sport Day’ และ ‘งานจับมือ’ จะยังมีขึ้นแน่นอน นอกจากอีเวนต์ใหญ่แล้ว ยังมีกิจกรรมย่อยทุกสัปดาห์ อาทิ การแสดง Theatre ที่ต้องมีงานถี่ขนาดนี้ก็เพื่อ รักษาความสัมพันธ์ของแฟนคลับ นอกจากนี้ ยังมีโรดโชว์และสคูลทัวร์ในต่างจังหวัดเพื่อขยายฐานแฟนคลับให้เข้าถึงในทุกช่วงอายุ

3.OUT-OF-HOME MEDIA บริษัทมี PLAN B เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งช่วยในการประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศผ่านทางจอ Screen LED ทั่วประเทศ รวมไปถึงจอประชาสัมพันธ์ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีจอครอบคลุมมากกว่า 1,000 สาขา

“เรามีการเปลี่ยนแปลงภายในในช่วงที่น้อง ๆ กำลังอยู่จุดพีค ดังนั้น ความท้าทายของเราคือ จะต่อยอดความสำเร็จของ BNK48 อย่างไร จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแฟนคลับและลูกค้าอย่างไร และมากไปกว่านั้น ต้องต่อยอดให้น้องไม่ใช่แค่เป็นศิลปินที่มีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม แต่ต้องดันน้องไปสู่แมสมากขึ้นในปีหน้า”

เดินหน้าหาพันธมิตร สร้างเม็ดเงินใหม่เข้าบริษัท

ที่ผ่านมา BNK48 ได้จับมือพันธมิตรหลากหลายเพื่อเข้าสู่สายแมสมากขึ้น อาทิ มีซีรีส์หรือภาพยนตร์ แต่ไม่ใช่แค่ในประเทศ ทางบริษัทกำลังวางแผนที่จะเจาะตลาดต่างประเทศ โดยได้ร่วมกับ ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) ในการปั้น ‘T-Pop’ เพื่อเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ชื่อ ‘LYRA’ (ไลร่า) ที่ประกอบด้วยสมาชิก 6 คนจาก BNK48 และในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะได้เห็นการร่วมมือกันมากขึ้นกับ Strategic Partnership รายใหม่ ๆ ในรูปแบบการ Collaborate โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

“ธุรกิจไอดอลตอนนี้มีคู่แข่งเยอะ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่เราเชื่อว่าจะทำให้ตลาดโตขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจเกิดการทำ Collaboration ระหว่างค่ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะตอนนี้ไม่ได้มีข้อจัดกัดของค่ายแล้ว ไอดอลสามารถไปได้หลายมิติ ไม่จำกัดว่า BNK48 จะต้อง Collaboration กับ iAM แต่ข้ามค่ายได้”

มั่นใจรายได้เท่าปีที่ผ่านมาแม้เจอ COVID-19

แม้ว่าบริษัทจะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขฐานแฟนคลับและรายได้ในปัจจุบันได้ แต่ยืนยันว่าทั้งรายได้และฐานแฟนคลับไม่ได้ลดลง ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากอัลบั้มและการขายสินค้า รองลงมาเป็นงาน Event สุดท้าย สปอนเซอร์ชิพและพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในส่วนงานจำหน่ายอัลบั้มและขายสินค้ายังคงทำได้ดี โดยเปลี่ยนรูปแบบจากงานจับมือมาเป็น Vitual Greeting

และในส่วนของพรีเซ็นเตอร์เดิมยังคงแข็งแรง อาทิ แกร็บ, เซเว่น อีเลฟเว่น และที่เปิดตัวล่าสุด คือ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ส่วนพรีเซ็นเตอร์ใหม่ ๆ กำลังอยู่ในช่วงเจรจา คาดว่าปีหน้าจะได้เห็น ซึ่งจะเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ ต่างจากที่เคยมี

“หลายคนบอกว่าไอดอลอยู่ในช่วงขาลง แต่เรายังเห็นศักยภาพและโอกาสของน้อง ๆ  BNK48 รวมถึงยูนิตอื่น ๆ และหนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้เราดำเนินธุรกิจต่อได้คือ ฐานแฟนคลับที่ยังแอคทีฟในทุกช่องทาง โดยจากนี้เราจะใช้ทุกกลยุทธ์ ทุกพาร์ตเนอร์ และคิดคอนเทนต์ใหม่ ๆ เพื่อตามเทรนด์ใหม่ ๆ ให้อยู่ในกระแส รวมถึงการบุกชิงพื้นที่สื่อแบบ 360 องศา เพื่อยอดธุรกิจและทำรายได้ นี่คือเป้าที่จะทำให้ได้มากที่สุด