ในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก ส่งผลให้หลายองค์กรทั่วโลกต้องใช้มาตรการ ‘Work from Home’ ซึ่งทำให้แพลตฟอร์ม Video Conference เติบโตอย่างก้าวกระโดดแทบทุกราย โดยเฉพาะ ‘Zoom’ ที่เคยปังขนาดที่หุ้นเติบโตกว่า 121% และแม้จะมีปัญหาเรื่องข้อมูลรั่วหรือกรณีที่มีคนเข้ามาป่วนการสนทนา และมีการบังคับให้โทรออกโดยอัตโนมัติ รวมถึงไม่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end แต่สุดท้าย Zoom ก็ผ่านวิกฤติดังกล่าวมาได้ และยังคงเติบโต แม้กระแส Work from Home จะลดลง
อ่าน >>> มรสุม! ‘Zoom’ จบปัญหาข้อมูลรั่ว แต่เจอคู่แข่งใหม่ ‘Messenger Rooms’ ฉุดหุ้นหล่น 6%
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หุ้นของ Zoom พุ่งสูงขึ้น 41% โดยปิดที่ 457.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งทำให้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีเติบโต 355% เป็น 663.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินโดยเฉลี่ย 163.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อหักต้นทุนต่าง ๆ พบว่า Zoom มีกำไรที่ 186 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ยอดผู้ใช้งานของ Zoom เติบโตถึง 458% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจำนวนลูกค้าที่สร้างรายได้เกิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี มีอัตราการเติบโตมากกว่าสองเท่าจากปีก่อนหน้า
“ในขณะที่การแพร่ระบาดยังคงมีอยู่ เรามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างหนักกับบทบาทของเราในการทำให้เกิดการสื่อสารทั่วโลกในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้” อีริค หยวน ซีอีโอ Zoom กล่าว
จากการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้ Zoom ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ประจำปีสำหรับปี 2021 ไว้ที่ 2.37-2.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเติบโต 282% โดยจะเน้นเปลี่ยนผู้ใช้บริการฟรีให้เป็นผู้ใช้บริการแบบชำระเงินให้มากที่สุด
ปัจจุบัน Zoom เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีค่าที่สุด 20 แห่งในสหรัฐฯ โดยมี Market Cap สูงกว่า IBM และใหญ่กว่า VMware มากกว่าสองเท่า