สหรัฐฯ อยู่ระหว่างพิจารณาแบนสินค้าที่ใช้ “ฝ้าย” จากมณฑลซินเจียง ประเทศจีน เป็นการตอบโต้กลับหลังมีรายงานพบว่าจีนบังคับใช้แรงงานเก็บฝ้าย และจีนมีการปราบปรามลงโทษอย่างรุนแรงต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียง
สำนักข่าว The New York Times อ้างอิงแหล่งข่าวภายในที่เกี่ยวข้องสามราย กล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาแบนสินค้าที่ผลิตโดยใช้ฝ้ายจากมณฑลซินเจียง ประเทศจีน เพื่อตอบโต้จีนในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมอุยกูร์
การแบนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสินค้าประเภทเสื้อผ้าและสินค้าเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ที่ใช้ฝ้ายเกือบทั้งตลาด เนื่องจากผู้ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลกส่วนใหญ่ต่างใช้ฝ้ายและเส้นใยผ้าที่ส่งมาจากซินเจียง พื้นที่ส่งออกฝ้ายหลักของโลก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าการแบนจะแบนเฉพาะสินค้าที่ส่งตรงออกมาจากซินเจียง หรือนับรวมไปถึงสินค้าที่นำไปแปรรูปที่ประเทศแห่งที่สามแล้วด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะตัดสินใจอย่างไร
การตอบโต้ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังมีรายงานออกมาว่า รัฐบาลจีนกวาดต้อนชาวอุยกูร์ให้ใช้แรงงานในไร่ฝ้าย โรงงานผลิตผ้าฝ้าย รวมถึงโรงงานประเภทอื่นๆ และหากขัดขืนจะถูกส่งเข้า “ค่ายกักกัน”
ค่ายกักกันดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีชุดข้อมูลโต้กลับกันไปมาตั้งแต่ปี 2561 โดยจีนกล่าวว่าค่ายเหล่านี้คือ “โรงเรียน” ที่ให้การศึกษาใหม่แก่ชาวอุยกูร์ที่มีแนวโน้มหัวรุนแรงคลั่งศาสนา ไม่ได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นวิธีการเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ซินเจียง
ขณะที่รายงานจาก The Australian Strategic Policy Institute พบว่าชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งเข้าค่ายกักกัน
มีนับล้านคน และข้อหาที่ทำให้ถูกส่งเข้าค่ายนั้นเกิดจากยังคงถือวัตรปฏิบัติตามแบบผู้นับถืออิสลาม เช่น สตรีสวมผ้าคลุมผม มีคัมภีร์อัลกุรอ่านไว้ในครอบครอง ทำละหมาด หรือถ้าหากมีญาติพี่น้อง-เพื่อนอยู่ในต่างประเทศจะถูกส่งเข้าค่ายเช่นกัน เพราะถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ก่อการร้าย
ส่วนการบังคับใช้แรงงานในโรงงาน ชาวอุยกูร์จะถูกบังคับกักตัวให้อยู่ในหอพักของโรงงานเพื่อทำงาน และหลังหมดชั่วโมงทำงานจะต้องเข้าห้องเรียนภาษาจีนแมนดารินกับการฝึกอบรมอุดมการณ์ ภายในจะมีกล้องวงจรปิดคอยจับตาตลอดเวลา และห้ามมิให้ทำกิจกรรมทางศาสนา
ในอีกมุมหนึ่ง การตอบโต้ของสหรัฐฯ อาจประเมินได้ว่าเกิดจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบใหม่กำลังงวดใกล้เข้ามาทุกที ทำให้ทรัมป์พยายามแสดงแสนยานุภาพตอบโต้จีน ตั้งแต่การโจมตีจีนอย่างหนักว่าเป็นต้นเหตุการระบาดของไวรัสโคโรนาและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อด้วยการแบนบริษัทจีนอีกหลายบริษัท และการเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะเป็นการเดินหมากล่าสุด โดยใช้เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงเป็นฐานโจมตี
อย่างไรก็ตาม จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ปะทุขึ้นมานานปี ทำให้บริษัทเสื้อผ้าหลายรายเริ่มย้ายฐานผลิตออกจากจีนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยส่วนใหญ่จะย้ายไปยังเวียดนาม บังกลาเทศ และอินโดนีเซีย แต่หลายรายก็ยังพบว่าคุณภาพการผลิตในประเทศอื่นยังไม่เทียบเท่าจีน และหาพื้นที่ลงทุนโรงงานได้ยากเนื่องจากมีคู่แข่งที่ต้องการย้ายฐานผลิตจำนวนมาก
ทั้งนี้ หลายๆ บริษัทที่มีชื่อเข้าไปพัวพันกับการใช้แรงงานที่ถูกบังคับ กล่าวว่าซัพพลายเชนในประเทศจีนค่อนข้างคลุมเครือ ทำให้พวกเขาก็ตรวจสอบย้อนกลับได้ยากว่าฝ้ายที่นำมาใช้ผลิตนั้นมาจากแหล่งไหน
Source : The New York Times, BBC