กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย ประกาศผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับ ช้อปปี้ กางแผนสนับสนุนให้แบรนด์สามารถเร่งการเติบโตบนช่องทางอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งการจับมือกันครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่กรุ๊ปเอ็ม และเอเยนซี่ในเครือได้แก่ มายด์แชร์ มีเดียคอม เวฟเมคเกอร์ และ เอ็มซิกส์ จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงและบริหารจัดการพื้นที่โฆษณาบน Shopee Affiliate Marketing Solutions เพื่อขยายโอกาสในการสื่อสารผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรสื่อชั้นนำกว่า 2,000 ราย
โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้แบรนด์และนักการตลาดสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ และเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรบน Shopee Marketing Solutions ขยายขีดความสามารถในการทำแคมเปญทางการตลาดบนอีคอมเมิร์ซได้
นอกจากนี้สิทธิประโยชน์ยังครอบคลุมไปถึงเครื่องมือ Shopee Ads ที่แบรนด์ภายใต้การดูแลของ กรุ๊ปเอ็ม จะสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายผ่านการทำ Targeting และวางแผน Search Marketing บนแพลตฟอร์มของช้อปปี้ ซึ่งจะช่วยขยายขีดความสามารถในการทำแคมเปญทางการตลาดบนอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ศิวกร สิริวงศ์ภาณุพงศ์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่า
“รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ‘กรุ๊ปเอ็ม’ มีเดียเอเยนซี่ชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้แบรนด์พันธมิตรบนแพลตฟอร์มของช้อปปี้สามารถพัฒนากลยุทธ์การตลาดในเชิงลึกบนพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนอีคอมเมิร์ซ ร่วมกับบริการที่ครบวงจรจากมืออาชีพอย่าง กรุ๊ปเอ็ม เพื่อพัฒนากลยุทธ์และกิจกรรมด้านการสื่อสารการตลาดให้ดียิ่งขึ้น ที่ทั้งสามารถส่งมอบความคุ้มค่า สร้างการเติบโตด้ายยอดขาย ตลอดจนปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเหล่าผู้ใช้งานบนช่องทางออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน”
นิคคลาส สตอลเบิร์ก ประธานกรรมการบริหาร กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) กล่าวว่า
“กรุ๊ปเอ็ม ในฐานะผู้นำตลาดด้านการวางแผนกลยุทธ์การสื่อสารโฆษณา มีเป้าหมายในการขยายความเติบโตทางธุรกิจให้กับลูกค้าผ่านการใช้เทคโนโลยี และข้อมูล ซึ่งในปัจจุบันความท้าทายของธุรกิจคือการชิงความได้เปรียบในการเข้าถึงผู้บริโภคและปิดการขายให้ได้เร็วที่สุด การร่วมเป็นพันธมิตรกับแพตลฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ครบวงจรอย่าง ช้อปปี้ จะช่วยเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งในการทำการตลาดออนไลน์ รวมถึงเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับลูกค้าของ กรุ๊ปเอ็ม ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านฐานข้อมูล และสื่อพันธมิตรที่มีในทุกหมวดหมู่สินค้า”
สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปี 2562 ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่ามีมูลค่าการตลาดอยู่ที่ราว 163,300 ล้านบาท และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยหันมาจับจ่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
จึงทำให้มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2563 มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นราว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือราว 220,000 ล้านบาท
ความน่าสนใจของการจับมือร่วมกันครั้งนี้ก็คือ การใช้ดาต้า และพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคอย่างมหาศาล เพราะในตอนนี้การช้อปปิ้งออนไลน์ไม่ได้จำกัดแค่สินค้าแฟชั่นอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
การเก็บพฤติกรรมต่างๆ นั้น ยิ่งทำให้เอเยนซี่ และแบรนด์เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าดียิ่งขึ้น สามารถยิงแคมเปญการตลาด ส่งโปรโมชันได้แบบ Personalize มากขึ้นเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งมิติที่น่าจับตามองไม่น้อย