ตลาดคอนโดฯ ระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ อาจจะซบเซา แต่ที่ “หัวหิน” ขายดีมาก! “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน” ขายห้องชุดเริ่มต้น 7.8 ล้านบาท กวาดยอดขายไปแล้ว 65% คึกคักกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ COVID-19 เหตุเพราะเศรษฐีไทยบินไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ ทำให้มีดีมานด์เพิ่มเพื่อลงทุนสถานตากอากาศหรูส่วนตัว
“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอาคารชุดตากอากาศ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน เปิดเผยสถานการณ์ของโครงการช่วงหลังคลายล็อกดาวน์ พบว่ายอดขายทำได้ดีขึ้นมาก ปัจจุบันขายไปแล้ว 65% ของมูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท
โดยโครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 238 ยูนิตบนที่ดินขนาด 7 ไร่ ด้านหนึ่งติดหน้าหาดหัวหิน และอีกด้านติดถนนเพชรเกษม บริเวณตรงข้าม Market Village ฟังก์ชันห้องชุดขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 45-300 ตร.ม. เป็นคอนโดฯ ระดับลักชัวรีของหัวหินด้วยราคาขายเริ่มต้น 250,000 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่ม 7.89 ล้านบาทต่อยูนิต คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปี 2565
โครงการเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 62 และเริ่มเปิดให้ชมห้องตัวอย่างเดือนกุมภาพันธ์ 63 แต่ก่อนจะได้โหมการตลาดกลับต้องเผชิญสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การขายชะลอตัวลงมากในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 63 เนื่องจากลูกค้าเดินทางมาชมห้องตัวอย่างที่หัวหินไม่ได้
อย่างไรก็ตาม พราวพุธกล่าวว่า เมื่อกลับมาเปิดทำการเซลส์แกลลอรี่ได้ เฉพาะช่วง 2 เดือน มิถุนายน-กรกฎาคม 63 กลับมีดีมานด์ทะลักเข้ามาจองถึง 2,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อคนระดับบนยังดีอยู่ และมีลักษณะ ‘ซื้อด้วยอารมณ์’ สูงมาก
คนรวยไปไหนไม่ได้ ซื้อคอนโดฯ ไทยไว้พักผ่อน
ด้าน “ไพสิฐ แก่นจันทร์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) อธิบายเพิ่มเติมว่า COVID-19 เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลบวกกับโครงการนี้อย่างมาก
ข้อแรก คือ ปกติคนระดับบนจะเน้นท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก แต่สถานการณ์ขณะนี้ทำให้ไปต่างประเทศได้ลำบากอย่างน้อยก็จนถึงปี 2564 ดังนั้น จะหันมาเที่ยวในประเทศแทน
ข้อสอง คือ เมื่อเที่ยวในประเทศ หากเป็นสถานการณ์ปกติ คนระดับบนบางกลุ่มอาจไม่นิยมมีคอนโดฯ ของตนเอง นิยมพักตามโรงแรมมากกว่า แต่เมื่อเผชิญสถานการณ์ COVID-19 ทำให้เห็นความจำเป็นมากขึ้น เพราะโรงแรมถูกสั่งปิด หรือกระทั่งเปิดบริการแล้วก็ยังต้องพักปะปนกับคนจำนวนมากซึ่งทำให้เกิดความกังวล
จากเหตุผลสองข้อนี้ คนระดับบนที่มองหาบ้านพักตากอากาศจึงมีมากขึ้น และเข็มทิศมุ่งมาที่ “หัวหิน” เป็นหลักเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงที่คนไทยนิยมอยู่แล้ว มีหน้าหาดทรายสวย ใกล้โรงพยาบาล ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และขับรถจากกรุงเทพฯ ระยะ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น
ใช้ Branded Residences ชื่อโรงแรมหรูอัพราคา
เมื่อโฟกัสเฉพาะตลาดคอนโดฯ หัวหิน พราวพุธย้ำว่า อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน เป็นคอนโดฯ ระดับลักชัวรีแห่งเดียวที่เหลืออยู่ในตลาด เนื่องจากซัพพลายแห่งอื่นๆ ขายหมดไปตั้งแต่ปี 2562 และซัพพลายที่จะเปิดใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องหาที่ดินติดหาดหัวหินและติดถนนเพชรเกษม
นอกจากจะเป็นแห่งเดียวที่มีแล้ว การที่โครงการใช้ชื่ออินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซสซึ่งเป็น Branded Residences ในเครือ IHG เชนโรงแรมหรูระดับสากล ทำให้โครงการขายได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพ สถาปัตยกรรม และบริการโรงแรมที่จะพ่วงมากับคอนโดฯ
การมีชื่อ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส” คู่กับโครงการไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจุบันแบรนด์นี้มีโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วอยู่เพียง 8 โครงการทั่วโลก ได้แก่ เมืองเบรุต บอสตัน ไคโร โดฮา ดูไบ ปราก วอร์ซอ และโฮจิมินห์ โดยไพสิฐกล่าวว่า ที่ไม่ง่ายเพราะ IHG จะเซ็นสัญญาให้ใช้แบรนด์ได้ก็ต่อเมื่อโครงการอยู่ในทำเลที่ดีเหมาะสมกับแบรนด์ และบริษัทต้องทำตามมาตรฐาน IHG เช่น ห้องชุดต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่ต่ำกว่า 45 ตร.ม. ตกแต่งในสไตล์ที่สื่อถึง IHG
อย่างไรก็ตาม ความยุ่งยากในการทำตามข้อกำหนดและต้องออกแบบร่วมกัน นำมาซึ่งผลดีในภายหลัง เพราะเมื่อได้แบรนด์ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส ปะหน้า โครงการจึงตั้งราคาขายได้ถึง 250,000-300,000 บาทต่อตร.ม. โดยไพสิฐประเมินว่า ถ้าไม่มีแบรนด์นี้ โครงการน่าจะขายได้ที่ราคา 150,000-180,000 บาทต่อตร.ม.เท่านั้น
แต่แน่นอนว่าบริษัทจะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับโรงแรมในการใช้ชื่อแบรนด์ รวมถึงจ้าง IHG บริหารโครงการแทนนิติบุคคลเมื่อโครงการสร้างเสร็จ ทำให้กำไรสุทธิจะยังอยู่ที่ 14-15% เหมือนกับไม่มีแบรนด์ แต่ข้อดีคือจะทำให้ลูกค้ามั่นใจและตัดสินใจซื้อง่ายกว่า
ยกตัวอย่างความมั่นใจของลูกค้า พราวพุธระบุว่าขณะนี้มีลูกค้าต่างชาติจองมาแล้วคิดเป็นสัดส่วน 5% ของโครงการ ส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน รัสเซีย แม้ว่าต่างชาติจะบินเข้ามาชมห้องตัวอย่างและทำเลเองไม่ได้ ต้องชมห้องผ่านระบบออนไลน์ไปก่อน แต่ก็ตัดสินใจจองเพราะมั่นใจแบรนด์จาก IHG
ด้วยกระแสที่ดีเหล่านี้ ทำให้พราวพุธคาดการณ์ว่าจะปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในเทศกาลสงกรานต์ปี 2564
“เกร็ดข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินหัวหิน”
ที่ดินติดหาดหัวหิน (ไม่นับหน้าหาดฝั่งชะอำ เขาเต่า เขาตะเกียบ) ส่วนใหญ่เป็นที่ดินพระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารตั้งแต่ยุค พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อให้เหล่าผู้ใกล้ชิดมาปลูกบ้านตากอากาศอาศัยระหว่างรับใช้เจ้านาย เมื่อพระองค์เสด็จแปรพระราชฐานมายังพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ทำให้แปลงที่ดินจะมีลักษณะเดียวกันคือเป็นที่ดินแบ่งแปลงด้านหน้าจดหาด ด้านหลังจดถนน แปลงละ 7-8 ไร่ใกล้เคียงกัน
ปัจจุบันยังมีบ้านไม้ใต้ถุนสูงทรงโคโลเนียลที่หลงเหลือมาจากยุครัชกาลที่ 6 อยู่หลายหลัง เช่น บ้านมะขามโทนของตระกูลภิรมย์ภักดี และโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มีการเช่าบ้านโบราณ “บ้านศตสุข” พร้อมที่ดินระยะเวลา 13 ปีในพื้นที่ติดกันไว้ด้วย (เดิมทีพระราชทานให้กับพระยาโชฎึกราชเศรษฐี ก่อนซื้อขายเปลี่ยนมือมาเป็นของตระกูลอรุณวงศ์) บ้านหลังนี้จะใช้เป็น 111 Social Club บริการคาเฟ่ จิบชากาแฟ รองรับวันพักผ่อนของลูกบ้าน