IKEA เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเม็กซิโก ประกาศรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งทศวรรษของการเติบโต และขยายตัวทางธุรกิจ ปิดปีงบประมาณที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ด้วยรายได้รวม 26,000 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันวิกฤต COVID-19 ได้เร่งให้บริษัทเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกธุรกิจแบบดิจิทัลเร็วขึ้นผลจากความนิยมในการแต่งบ้านที่พุ่งขึ้นอย่างล้นหลามช่วงล็อกดาวน์
“วิกฤต COVID-19 เปลี่ยนความคิดและค่านิยมที่หลายคนมีต่อการใช้ชีวิตในบ้าน เมื่อต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันอย่างกะทันหัน หลายคนมาที่อิเกียเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ไปแต่งโฮมออฟฟิศ มุมอ่านหนังสือ พื้นที่พักผ่อนกลางแจ้ง และครัวที่ตอบโจทย์การใช้งานในบ้านของตนเอง หลายคนตระหนักว่า บ้านมีความหมายและสำคัญต่อพวกเขามากแค่ไหน และเห็นว่ามันคุ้มที่จะลงทุนเพื่อทำให้บ้านที่เราใช้ชีวิตอยู่ในทุกๆ วัน เป็นที่ที่เราจะอยู่อาศัยได้อย่างสบาย ตอบโจทย์การใช้งาน และมีรูปลักษณ์สวยงาม” คริสเตียน รอยเคียร์ กรรมการผู้จัดการอิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเม็กซิโก กล่าว
สโตร์ IKEA ทั้ง 9 แห่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท มียอดขายรวม 22,400 ล้านบาท ในช่วงเดือนกันยายน 2562 – สิงหาคม 2563 ลดลงจากยอดขายในปีงบประมาณที่ผ่านมา 7.4% เนื่องด้วยสโตร์หลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว โดยบางแห่งปิดให้บริการไปนานถึงสองเดือนครึ่ง
ทั้งยังต้องเผชิญความท้าทายในเรื่องการจัดหาสินค้า และการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการภายในสโตร์เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย เมื่อรวมกับรายได้จากศูนย์การค้าในเครือที่เชื่อมต่อกับสโตร์ IKEA อีก 5 ศูนย์ (ทั้งหมดบริหารงานโดยอิคาโน่ เซ็นเตอร์ส ซึ่งมีการเยียวยาค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าจำนวนหลายร้อยรายที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้น) ทำให้บริษัทมีรายได้รวม 26,000 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อน 2,000 ล้านบาท
IKEA เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเม็กซิโก เป็นหนึ่งใน 12 แฟรนไชส์ IKEA ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยมีสโตร์เปิดให้บริการในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ควบคู่ไปกับศูนย์การค้าในเครืออิคาโน่ เซ็นเตอร์ส ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าประมาณ 1,500 ราย ภายใต้พื้นที่ให้เช่า 4 ล้านตารางฟุต
หลังให้บริการอีคอมเมิร์ซใน 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม สโตร์ IKEA ในทั้ง 3 ประเทศยังสามารถจำหน่ายสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานแก่ลูกค้าได้แม้ในช่วงที่ต้องปิดหน้าร้านไปเป็นเวลานาน โดยได้รับการสนับสนุน และคำแนะนำจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ พนักงานร่วมแรงร่วมใจกันจัดตั้งระบบปฏิบัติงานด้านการหยิบ แพ็ก และจัดส่งสินค้าเพื่อรองรับยอดสั่งซื้อจำนวนมากในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แผนกที่เกี่ยวข้องต้องจัดหาผู้ให้บริการด้านการขนส่งสินค้าเพิ่มเติม เพิ่มรอบจัดส่งสินค้า ปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ให้รองรับยอดสั่งซื้อออนไลน์ที่หลั่งไหลเข้ามาในแต่ละวัน
เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ มียอดสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เข้ามาทั้งหมดกว่า 525,000 ออเดอร์ คิดเป็นยอดขายออนไลน์กว่า 3,100 ล้านบาท ซึ่งเกิน 2 เท่าของรายได้รวมจากอีคอมเมิร์ซของบริษัทในปีก่อนหน้า
สโตร์ในประเทศไทยได้เริ่มให้บริการ Click & Collect ช้อปออนไลน์ และรับสินค้าได้ที่สโตร์ ขณะที่แผนกอาหาร และเครื่องดื่มในสโตร์ IKEA ทั้งในไทย และมาเลเซียหันหน้าจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ขยายการให้บริการจัดส่งอาหารหลากหลายเมนู
ใน 8 สัปดาห์ที่มีผู้มาใช้บริการสโตร์ IKEA และเว็บไซต์สูงที่สุดในแต่ละประเทศ ลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซื้อโต๊ะไปกว่า 212,000 ตัว เก้าอี้สำนักงาน 64,000 ตัว ยอดขายประจำปีของแผนกห้องทำงานพุ่งสูงขึ้นในทั้ง 3 ประเทศในช่วงล็อกดาวน์
บริษัทไม่มีนโยบายให้พนักงานแม้แต่เพียงคนเดียวต้องออกจากงานในช่วงล็อกดาวน์ และยังมีแผนที่จะจัดหาพนักงานใหม่อีกกว่า 200 คนในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดให้บริการสโตร์อิเกีย Jurung ในปี 2564 ส่วนที่เม็กซิโกซิตี มีแผนจะเปิดให้บริการอีคอมเมิร์ซทันทีที่เปิดสโตร์อิเกีย Oceania ในช่วงปีใหม่ และสโตร์อิเกียที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มะนิลา ก็มีกำหนดจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2564 โดยออกแบบให้มีพื้นที่พร้อมรองรับการปฏิบัติงานด้านการหยิบ แพ็ก และจัดส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซ รวมถึงศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า และในเวลาเดียวกันนี้ ก็มีทีมในประเทศเวียดนามที่กำลังเดินหน้าวางแผนเปิดสโตร์ในอนาคตอันใกล้