กลับมาผงาด! ถุงยาง ‘Durex’ เติบโตอีกครั้ง หลังจากยอดตกช่วงล็อกดาวน์

(photo: Ludmila Ivashchenko / Shutterstock)

เมื่อช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา แม้คู่รักจะอยู่ที่บ้านมากขึ้น แต่กลับมีกิจกรรมทางเพศน้อยลง อีกทั้งผู้บริโภคไม่มีโอกาสสานสัมพันธ์กัน ส่งผลให้ถุงยาง ‘ดูเร็กซ์’ (Durex) ยอดขาย ‘ตก’ ในบางประเทศ เช่น อิตาลี อังกฤษ แต่หลังจากที่หลายประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์ก็ทำให้ถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศเติบโตขึ้น 12.6% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา

แล็กซ์แมน นาราซิมฮาน ซีอีโอของ เรคกิตต์ เบนค์กิเซอร์ (Reckitt Benckiser) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพสัญชาติอังกฤษเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่าง ‘เดทตอล’ (Dettol) และ ‘ดูเร็กซ์’ (Durex) ได้รายงานผลประกอบการของบริษัทประจำไตรมาสที่ 3 โดยมีรายได้รวม 3,513 ล้านปอนด์ (140,000 ล้านบาท) โตขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเติบโต 19.5% และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพทางเพศเติบโต 12.6%

Durex,love sex,lubricant. (Photo by: Newscast/Universal Images Group via Getty Images)

เดทตอลเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพที่ทำยอดขายได้ดีต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 โดยยอดขายสเปรย์ผ้าเช็ดทำความสะอาดและของเหลวตราเดทตอลเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ดูเร็กซ์ที่ประสบปัญหายอดตกในช่วงไตรมาส 2 แต่ในไตรมาส 3 นี้ก็พลิกกลับมาเติบโตได้ แม้จะไม่ได้บอกถึงตัวเลขยอดขายของดูเร็กซ์อย่างชัดเจน แค่ระบุว่าทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้สองหลัก และยังได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งจัดว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญอีกด้วย

“หลังจากที่ต้องเจอกับความท้าทายอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่หลังจากที่ไตรมาส 3 เริ่มผ่อนคลายลงส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สุขอนามัยทางเพศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดของประเทศที่อัตราการติดเชื้อลดลง”

ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยที่เติบโตในไตรมาส 3 แต่สินค้าอย่าง ‘Sex Toy’ ก็เติบโตขึ้น โดย Ann Summers ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการขายชุดชั้นในและเซ็กส์ทอย กล่าวว่า ยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 14.4% ไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม อีกธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในระยะยาวก็คือ ธุรกิจสำหรับเด็กแรกเกิดและเด็กทารก เนื่องจากอัตราการเกิดทั่วโลกที่อาจลดลง

“มีหลักฐานว่าอัตราการเกิดจะลดลงอีกในไตรมาสต่อ ๆ ไปอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรค” แล็กซ์แมน กล่าว

Source