รายได้และกำไรของของ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) ในไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้ธุรกิจของหัวเว่ยหยุดชะงัก
รายรับสำหรับไตรมาสกันยายนอยู่ที่ 2.173 แสนล้านหยวน (3.191 หมื่นล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้นเพียง 3.7% จาก 2.095 แสนล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปีมีรายรับรวม 6.713 แสนล้านหยวน (9.857 หมื่นล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 9.9% จาก 6.108 แสนล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นั่นคือการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะย้อนไปในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2019 รายได้ของหัวเว่ยเติบโตถึง 24.4% ขณะเดียวกันอัตรากำไรสุทธิของหัวเว่ยอยู่ที่ 8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ลดลงจาก 8.7% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลประกอบการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ กำลังทำร้ายหัวเว่ยอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะการถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำ จนส่งผลให้หัวเว่ยไม่สามารถใช้บริการของ ‘กูเกิล’ (Google) ทำให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถใช้ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้อีกต่อไป และเมื่อต้นปีนี้ สหรัฐฯ ได้ดำเนินการเพื่อที่จะคว่ำบาตรหัวเว่ยเพิ่มเติม โดยบีบบังคับบรรดาซัพพลายเออร์ชิปทั่วโลก รวมถึง TSMC ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักให้ยุติการส่งมอบชิปให้กับหัวเว่ย ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับธุรกิจสมาร์ทโฟนด้วย
อ่าน >>> สรุปทุกปัญหาที่รุมเร้าจน ‘หัวเว่ย’ ย้ำเป้าหมายจากนี้ ‘ต้องเอาชีวิตรอด’
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าส่วนใดของธุรกิจที่มีส่วนทำให้รายได้เติบโต แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหัวเว่ยกล่าวว่า ธุรกิจด้าน Consumer ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนมีรายได้หายไปเกือบ 12 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 เมื่อเทียบกับเป้าหมายของตัวเอง
“ในขณะที่โลกกำลังต่อสู้กับ COVID-19 แต่หัวเว่ยกลับต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงทางด้านซับพลายเชน ทำให้การผลิตและการดำเนินงานต้องพบกับความยากลำบากมากขึ้น โดยเราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการหาแนวทางแก้ไขเพื่อความอยู่รอดและก้าวไปข้างหน้า”