ช็อกนักลงทุนทั่วโลก หลัง Ant Group ฟินเทคในเครือ Alibaba ของ “เเจ็ค หม่า” ต้องกลายเป็น “IPO ตกสวรรค์” โดนเบรกจนต้อง “ระงับแผน” เปิดขายหุ้นให้กับสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในตลาดหลักทรัพย์ของเซี่ยงไฮ้กับเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้
Ant Group (เเอนท์ กรุ๊ป) เป็นบริษัทเทคโนโลยีการเงิน (ฟินเทค) เจ้าของ ‘Alipay’ ในเครือของ Alibaba ที่คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ถึง 3.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติที่สูงสุดในโลก
การตัดสินใจเบรก IPO ครั้งประวัติศาสตร์ มีขึ้นหลังจากที่ทางคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน ได้เรียกตัวทีมผู้บริหารระดับสูงของ Ant Group อย่าง แจ็ค หม่า, อีริค จิง และไซมอน หู่ “เข้าพบ” เพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดเเละเงื่อนไขของแผน IPO ดังกล่าว
จากนั้นไม่นาน ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ออกเเถลงการณ์ว่า มีคำสั่งระงับแผน IPO ของ Ant Group ในตลาด STAR Market เนื่องจากทีมผู้บริหารได้ชี้แจงกับทางคณะกรรมการว่ามีการเปลี่ยนแปลงในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการกำกับดูแลเทคโนโลยีทางการเงิน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ Ant Group จะไม่ผ่านเกณฑ์การเปิดขายหุ้น และการเปิดเผยข้อมูลตามระเบียบข้อบังคับที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่
ตามมาด้วยความเคลื่อนไหวของ Ant Group ที่ออกมากล่าว “ขอโทษ” ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นของฮ่องกงก็ต้องยกเลิกการเข้าซื้อขายหุ้นวันแรกด้วย พร้อมให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าจัดการปัญหาที่ทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง “วิตกกังวล” ต่อไป
การถูกระงับ IPO ในนาทีสุดท้าย สร้างผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทเเม่อย่าง Alibaba ทันที หลังมีกระเเสข่าวนี้ออกมา ทำให้ราคาหุ้นร่วงถึง 9% ในช่วงเปิดตลาดหุ้นของสหรัฐฯ โดย Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Ant Group มากถึง 33%
Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า แจ็ค หม่า ต้องสูญเสียความมั่งคั่งเป็นวงเงินสูงเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.3 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว
ด้าน Alibaba ออกมาชี้เเจงว่า บริษัทจะให้การสนับสนุนทุกทางกับ Ant Group เพื่อเดินหน้าปรับเปลี่ยนและปฏิบัติตามกฎของทางคณะกรรมการฯ เเละเชื่อมั่นว่า Ant Group จะสามารถเเก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
แม้เหตุผลที่ถูกเปิดเผยคือ IPO ของ Ant Group มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนสำหรับการซื้อขายที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงตามกฎระเบียบที่เพิ่งปรับใหม่
เเต่สำนักข่าวต่างประเทศ โยงเหตุการณ์นี้เข้ากับ “คำพูด” ของแจ็ค หม่า ที่ได้เเสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ “ระบบธนาคารจีน” บนเวทีฟอรัมการเงินในเซี่ยงไฮ้ เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่าอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเสียโอกาสรับทรัพย์มหาศาลครั้งนี้ไปในพริบตา
โดย แจ็ค หม่า บอกว่าระบบการเงินและกฎระเบียนด้านการเงินของทางการจีนในขณะนี้ ขัดขวางการสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีการเงินของประเทศ ที่จำเป็นต้องมีการ “ปฏิรูป” เพื่อให้มีการเติบโตไปได้
เขายังบอกอีกว่า ธนาคารจีนเป็นเหมือน “โรงรับจำนำ” ที่ต้องใช้หลักประกันมูลค่าสูง ผลคือบางบริษัทต้องตัดสินใจลงทุนให้ใหญ่เกินและต้องห้ามล้มเหลว
หลายสื่อเห็นว่าคำพูดของเเจ็ค หม่า “ไม่ได้เกินจริง” เพราะธนาคารจีนมักไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้รายย่อย ทำให้ SMEs จีนไม่ค่อยมีโอกาสลงทุนแบบสมตัวนัก
นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า ความเคลื่อนไหวของทางการจีน อาจตีความได้ว่าเป็นการ “สั่งสอน” มหาเศรษฐี
แจ็ค หม่า ให้รู้ว่าอำนาจรัฐในการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ ซึ่งกระเเสข่าวนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่น้อย เเละอาจมีผลต่อการพิจารณาซื้อหุ้นทั้งของ Ant Group เเละ IPO อื่นๆ ของจีนด้วย เพราะเกรงว่าต่อไปทางการจีนก็อาจเข้ามาเเทรกเเซงเช่นนี้ได้อีก
ด้านนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งมองว่า ความเคลื่อนไหวของทางคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีนไปใน “ทิศทางเดียวกัน” กับรัฐบาลปักกิ่ง ที่ไม่ค่อยสบายใจกับการที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ในจีน เริ่มหันมาปล่อยกู้ให้ “รายย่อย” มากขึ้น รวมไปถึงกลุ่ม Non-Bank ที่เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอย่าง Ant Group ด้วย เพราะหวั่นว่าจะเกิดหนี้เสีย ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังวิกฤต COVID-19
ที่มา : CNBC , Reuters , financial times, BBC