ชาวอเมริกันต้องการย้ายออกนอกประเทศสูงขึ้น จากการเมืองภายในไม่เสถียรและการระบาดของโรค COVID-19 โดยมีจุดหมายปลายทางยอดฮิตคือ “นิวซีแลนด์” ด้วยความสามารถในการรับมือการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพและเริ่มต้นทำธุรกิจได้ง่าย พร้อมเปิดโควตา “Golden Visa” ดึงกลุ่มนักลงทุน ปีนี้จึงได้เห็นชาวอเมริกันขอวีซ่าเข้านิวซีแลนด์ล้นทะลัก ส่วนชาวจีนที่จะย้ายมานิวซีแลนด์ลดน้อยลง
ข้อมูลจากหน่วยราชการ “นิวซีแลนด์” พบว่า สัดส่วนผู้ขอวีซ่าประเภท “Golden Visa” ในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคมปีนี้เปลี่ยนแปลงไป มีชาวอเมริกันขอวีซ่าเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ขอทั้งหมด จากเดิมที่มีชาวอเมริกันขอวีซ่าประเภทนี้แค่ 3% เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ผู้ขอวีซ่าแบบ Golden Visa ส่วนใหญ่จะเป็น “ชาวจีน” ซึ่งมีสัดส่วนถึง 43% ของผู้ขอทั้งหมด แต่ช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคมปีนี้กลับเห็นจำนวนผู้ขอวีซ่าชาวจีนลดลงเหลือสัดส่วน 25.4%
Golden Visa ดังกล่าวนั้นเป็นวีซ่านักลงทุน คือผู้ขอวีซ่ามีสิทธิได้รับสิทธิพำนักถาวร แลกกับเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ขั้นต่ำ 3 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 62 ล้านบาท) ที่จะลงทุนในสินทรัพย์หรือกองทุนของนิวซีแลนด์ พร้อมด้วยแผนการลงทุนที่สื่อได้ว่าจะอยู่ในนิวซีแลนด์ระยะยาว อย่างไรก็ตาม โควตา Golden Visa นั้นมีให้ชาวต่างชาติเพียงปีละ 400 รายเท่านั้น
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสถานการณ์ในสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากช่วง COVID-19 ทำให้มีดีมานด์จากนักลงทุนชาวอเมริกันสูงขึ้น
หนีการเมืองไม่เสถียร – COVID-19
“เดวิด คูเปอร์” ประธานบริษัท Malcolm Pacific Immigration ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเอกชนด้านการอพยพย้ายถิ่นฐาน มีสำนักงานในเมืองโอ๊กแลนด์และเมืองเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ปีนี้ชาวอเมริกันต้องเจอกับ “เคราะห์ร้าย 4 เท่า” ที่ส่งให้พวกเขาตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ และเป็นประเทศที่ปลอดภัยในการลงทุน
“พวกเขาบอกว่า การประท้วงของประชาชน การเมืองไม่เสถียร ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย และ COVID-19 คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาหลังพิงฝา” คูเปอร์กล่าว “เราได้รับสายโทรฯ เข้าและอีเมลไม่ขาดสายจากคนที่ต้องการทราบว่า ตนเองจะย้ายมาอยู่ในนิวซีแลนด์ได้อย่างไร”
ไม่เพียงแต่ประเด็นใหญ่เหล่านั้นเท่านั้น ชาวอเมริกันที่ต้องการย้ายออกจากสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงสาเหตุอื่นๆ อีกที่ทำให้พวกเขาต้องการออกนอกประเทศ เช่น การใช้ความรุนแรงของตำรวจ ฝ่ายอนุรักษนิยมเข้าครอบงำศาลฎีกา กฎหมายครอบครองปืน ความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้านการก่อการร้ายภายในประเทศ ไปจนถึงภาวะไร้ความสามารถของประเทศในการจัดการปัญหาโลกร้อน
ข้อมูลจาก กรมสรรพากรสหรัฐฯ ระบุสอดคล้องกันว่า มีคนอเมริกันที่ละทิ้งสัญชาติหรือสิทธิพำนักถาวรเพิ่มขึ้นมากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 มีคนอเมริกันทิ้งสัญชาติแล้ว 5,816 คน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ที่มี 2,072 คน เรียกว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
นอกจากนี้ ในคืนวันเลือกตั้งของสหรัฐฯ ข้อมูลจาก Google พบว่า การค้นหาเรื่อง “วิธีการย้ายไปนิวซีแลนด์” พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่แทบจะปลอด COVID-19 ขณะที่สหรัฐอเมริกายังอยู่ท่ามกลางการระบาดซ้ำ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 แสนเคสต่อวันตั้งแต่เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายน
นิวซีแลนด์ได้โอกาสดึงนักลงทุน
คูเปอร์กล่าวต่อว่า เคราะห์ร้ายในการรับมือโรคระบาดของสหรัฐฯ กลายเป็นโชคดีของนิวซีแลนด์ เมื่อเป็นดั่งสวรรค์ปลอดเชื้อ ทำให้แดนกีวีมีโอกาสดึงการลงทุนเข้าสู่ประเทศ แลกกับการได้วีซ่าพำนักระยะยาว และจะช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น
เขาเปิดเผยว่า ในจำนวนผู้ขอวีซ่านักลงทุนและรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอยู่นั้น มีมูลค่าการลงทุนรวมกันประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์แล้ว (ราว 5.77 หมื่นล้านบาท)
“ถ้ารัฐบาลตัดสินใจอนุมัติได้เร็ว จะมีเม็ดเงินก้อนหนึ่งที่เริ่มเข้าประเทศทันที” คูเปอร์กล่าว “และเมื่อนักลงทุนเข้ามาแล้วพวกเขาจะไม่กลับออกไปเร็ว ดังนั้น ในห้วงเวลาหนึ่งเราจะมีเม็ดเงินเข้ามามากกว่า 2.8 พันล้านเสียอีก”
นอกจากการรับมือโรคระบาด COVID-19 ที่ดีเยี่ยมของนิวซีแลนด์ ประเทศนี้ยังมีพื้นฐานที่ดีมากในการทำธุรกิจด้วยโดยรายงานการทำธุรกิจของ ธนาคารโลก จัดอันดับให้นิวซีแลนด์เป็นอันดับ 1 ประเทศที่ทำธุรกิจได้คล่องตัวที่สุดของโลกติดต่อกันเป็นปีที่สี่ และเป็นอันดับ 1 ประเทศที่เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่สิบสอง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีฐานภาษีเอื้อต่อนักลงทุน มีระบบรัฐบาลและกฎหมายที่แข็งแรง มีตลาดส่งออกที่ให้ผลกำไรสูง และการขอวีซ่าที่สะดวก
คนจีนย้ายออกน้อยลง เพราะแดนมังกรปลอดภัยกว่า
ส่วนกรณีของชาวจีนที่ขอวีซ่าเข้านิวซีแลนด์น้อยลง “จอร์จ ชิมเมล” หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์จีนบริษัท Juwai กล่าวว่า ชาวจีนลดการขอวีซ่าออกนอกประเทศเพราะการอยู่อาศัยในจีนทุกวันนี้ปลอดภัยกว่าประเทศอื่น
“ในประเทศจีน ทั้งสถานการณ์การระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดูดีกว่าประเทศอื่นๆ ผู้ขอวีซ่าหลายรายที่ขอเลื่อนแผนออกไปก่อนมองว่า ไม่เป็นไรที่จะรอดูสถานการณ์ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางไหน” ชิมเมลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ชิมเมลมองว่า นักลงทุนจีนจะกลับไปนิวซีแลนด์อีกแน่นอน เพราะเป็นประเทศที่น่าสนใจลงทุน แม้ว่าขนาดเศรษฐกิจจะเล็ก แต่เปิดโอกาสที่ดีให้กับนักลงทุนจีน โดยมีกลุ่มธุรกิจที่คนจีนสนใจคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม ภาคการผลิต และป่าไม้
เขายังให้ความเห็นถึงชาวอเมริกันที่กำลังแห่ขอวีซ่าไปนิวซีแลนด์ขณะนี้ว่า เชื่อว่าจะเป็นความสนใจระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐฯ และประธานาธิบดีคนใหม่ว่าจะทำให้วิกฤตคลี่คลายได้เร็วแค่ไหน