‘เลอโนโว’ ประกาศขอขึ้นเบอร์ 1 ตลาดโน้ตบุ๊ก หลังดีมานด์พุ่งเพราะ COVID-19

เหมือนว่าเมื่อเจอพิษ COVID-19 ไปจะทำให้ ‘เอเซอร์ (Acer)’ โดนท้าทายจาก ‘เลอโนโว (Lenovo)’ เสียแล้ว เพราะในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เลอโนโวสามารถขึ้นเบอร์ 1 ได้ชั่วคราวในตลาดโน้ตบุ๊ก ก่อนที่จะมาเป็นเบอร์ 2 ในไตรมาสที่ 2-3 อย่างไรก็ตาม เลอโนโวปักเป้าว่าจะต้องขึ้นเบอร์ 1 ให้ได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ หรืออย่างช้าก็คือไตรมาสแรกของปี 2564

COVID-19 ดันตลาดโต

ธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว กล่าวว่า COVID-19 ช่วยดันตลาดโน้ตบุ๊กให้เติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยในกลุ่มแมสที่มีสัดส่วนมากสุดหรือประมาณ 50% ของตลาดมีการเติบโตประมาณ 1 หลัก แต่ที่น่าจับตามองคือ ‘เกมมิ่ง’ และ ‘พรีเมียม’ ที่เติบโตประมาณ 30% ส่งผลให้ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโตประมาณ 18% ในปีนี้ จากที่ผ่านมาจะไม่เติบโตทำได้แค่ทรงตัว

“ที่กลุ่มพรีเมียมเติบโตเยอะเพราะคนซื้อเทคโนโลยีมากกว่าดูราคาเป็นหลัก คนเลือกที่จะซื้อสินค้าอินเทรนด์มากกว่าซื้อของตกรุ่น ตอนนี้ผู้บริโภคดูเทรนดี้มากขึ้น”

07_Yoga_Slim_7_Carbon_Hero_IR_Camera.jpg

อาศัย COVID-19 ขึ้นเบอร์ 1

วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ เลอโนโว (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เลอโนโวทำรายได้รวมทั่วโลกกว่า 1.45 หมื่นล้านเหรียญ มีส่วนแบ่งในตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลก 23.6% ส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 26% ส่วนประเทศไทยนั้นเลอโนโวเป็นที่ 2 ในทุกเซ็กเมนต์ โดยเบอร์ 1 แต่ละเซ็กเมนต์นั้นจะแตกต่างกันไป ได้แก่ เอเซอร์ เอซุส และเดลล์ ทั้งนี้ เลอโนโวตั้งเป้าที่จะขึ้นเบอร์ 1 ของทุกตลาดภายในไตรมาส 4 ปีนี้ หรืออย่างช้าคือไตรมาส 1 ปีหน้า

สำหรับกลยุทธ์ที่จะทำให้ขึ้นเบอร์ 1 นั้น เลอโนโวมองว่าการทำราคาเพื่อแข่งขันไม่ใช่เรื่องยั่งยืน แต่เป็นการฟังเสียงลูกค้าเพื่อพัฒนาตัวสินค้าให้ตรงตามความต้องการ และล่าสุด เลอโนโวได้เปิดตัวโน้ตบุ๊ก 7 รุ่น ได้แก่ Yoga Slim 7i Carbon, Yoga Slim 7i, Yoga Slim 7i Pro,  Yoga Slim 9i, Yoga 7i, Yoga 9i และ Yoga Duet 7i เพื่อเจาะกลุ่มพรีเมียม โดยมีราคาตั้งแต่ 32,990-59,990 บาท โดยจะทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่ปีนี้ถึงปีหน้า

“เราเปิดตัวโน้ตบุ๊กทีเดียว 7 รุ่น เพราะเราต้องการขึ้นเบอร์ 1 ซึ่งการจะขึ้นได้นั้นเราต้องชนะทุกเซ็กเมนต์ ดังนั้น ถ้าเปิดตัวแค่รุ่นเดียวภาพอาจยังไม่ชัด เราต้องการสร้างภาพให้มันชัดเจนมากขึ้น”

วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ เลอโนโว (ประเทศไทย)

‘บริการ’ อีกด้านใช้สร้างความแตกต่าง

นอกเหนือจากสินค้าก็คือเรื่องเซอร์วิสมาเป็นจุดขาย โดยเราจะจับ KPI ให้เข้มข้นขึ้น โดยทำคอลเซ็นเตอร์ 7 วัน 24 ชั่วโมง และมีบริการ Onside Exchange เปลี่ยนเครื่องให้สำหรับลูกค้าที่ส่งซ่อมในพื้นที่กรุงเทพฯ เละปริมณฑล  โดยเชื่อว่างานบริการจะสร้างความแตกต่างได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างในกลุ่ม SMB เลอโนโวสามารถเป็นเบอร์ 1 ได้ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร โรงพยาบาล โทรคมนาคม รวมถึงภาครัฐ

ปัญหาซัพพลายเริ่มคลี่คลาย

ในส่วนของซัพพลายสินค้าที่ได้ผลกระทบจาก COVID-19 ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายบ้าง จากเดิมที่มีสินค้าในสต๊อกขาดแคลนหนัก โดยมีพอขายเพียง 1 สัปดาห์ จากช่วงเวลาปกติต้องมีสต๊อกไว้ให้เพียงพอจำหน่าย 4-5 สัปดาห์ โดยปัจจุบันสต๊อกของเลอโนโวมีพอสำหรับจำหน่ายได้ 2-3 สัปดาห์ โดยคาดว่าซัพพลายจะกลับมาได้ปกติในปีหน้า

แม้ว่าซัพพลายจะเริ่มฟื้น แต่ยังนอนใจไม่ได้ เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้ายบวกกับมาตรการกระตุ้นของรัฐอย่าง ‘ช้อปดีมีคืน’ ถือเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นตลาดได้อย่างดี เนื่องจากช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เวลามีมาตรการดังกล่าวช่วยให้ยอดขายเติบโตได้ถึง 10-15% ดังนั้น การบริหารสต๊อกจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในปีนี้