ขณะที่ ”ไฟอมตะ” ออนแอร์ที่โมเดิร์นไนน์มาได้ครึ่งหนึ่ง และได้กระแสตอบรับดีพอสมควร ที่อย่างน้อยสามารถฝ่ากกระแสละครของช่อง 3 และช่อง 7 มาได้ ใน “งานเลี้ยงปิดกล้องละคร” ก็คึกคักไม่แพ้ตอนบวงสรวงเปิดกล้อง ซึ่งทั้งสองงานขาดไม่ได้สำหรับพระเอกตัวจริง เจ้าของชีวิตยิ่งกว่าละครอย่าง “วิกรม กรมดิษฐ์” ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอมตะคอร์ปอเรชั่น
ชีวิตที่โลดแล่นอยู่ในละครทำให้ชีวิตจริงของ ”วิกรม” เดินเข้ามาในเส้นทางบันเทิงมากขึ้น แม้จะไม่ถึงขั้นเล่นเองอย่างที่เจ้าตัวบอกว่า เล่นเองคงไม่มีใครดู เพราะยังไงก็สู้พระเอกอย่าง ชาคริต แย้มนาม ไม่ได้ ซึ่งเรตติ้งดีขนาดไหนนั้น สามารถวัดได้จากจำนวนนักข่าวบันเทิงที่มีนับสิบรายไปร่วมงาน
นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นกันเพียบ นอกเหนือจากทีมงานกองถ่าย และนักแสดงอื่นๆ ผู้บริหารเจเอสแอลอย่าง จำนรรค์ ศิริตัน กฤษณัน งามผาติพงศ์ และสปอนเซอร์ เช่น เครือสหพัฒน์ฯ ที่มีฮาร์ทตี้ เบเนคอล เป็นสินค้าหลักในเรื่องนี้ เพราะ ”วิกรม” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ แลกกับไม่รับค่าตัว แต่มาอุดหนุนละครเรื่องนี้แทน และยังมีเบนซ์ทองหล่อ
สำหรับแขกคนสำคัญจริงๆ ของ ”วิกรม” คงหนีไม่พ้นพี่น้องและหลานๆ เช่น วิทิต วิบูลย์ สมหะทัย สมศรี วิวัฒน์ ที่อุ้มลูกจูงหลานมาร่วมงานปิดกล้องคราวนี้ ที่ “วิกรม” อำนวยความสะดวกให้ใช้พื้นที่ดาดฟ้าชั้น 6 ของมูลนิธิอมตะเป็นสถานที่จัดงานนี้ อาจจะเป็นการเลี้ยงปิดกล้องที่ต่างจากกองละครเรื่องอื่น เพราะที่เรียกเสียงกรี๊ดได้มากคือลูกหลาน และดาราเด็กต่างแข่งกันร้องเพลง เพื่อชิงสร้อยคอทองคำจาก ”วิกรม” อย่างสนุกสนาน
พระเอกในละครอย่าง ชาคริต แย้มนาม หลังฝ่ารถติดมาสายกว่า 3 ชั่วโมง นักข่าวบันเทิงต่างวิ่งกรูกันเข้าไปสัมภาษณ์โดยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 นาที จากนั้นการหาช็อตเด็ดที่ให้เจ้าของอัตชีวประวัติกับผู้รับบทนี้ถ่ายภาพ “คู่กัน” จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยความทุลักทุเล เพราะทั้ง “วิกรม” และ “ชาคริต” ต่างมีแฟนคลับจำนวนมากที่อยากได้ภาพไว้เป็นที่ระลึก และเมื่อหาจังหวะที่เรียกให้ทั้งคู่มาอยู่ในซีนเดียวกันได้แล้วก็ยังมีบรรดานักแสดงสมทบคนอื่นๆ มาขอร่วมฉากด้วยอยู่ดี
งานเลี้ยงปิดกล้องไฟอมตะยังดำเนินต่อไปด้วยความสนุกสนานจนถึงราว 4 ทุ่มกว่า แขกเหรื่อจึงเริ่มทยอยกลับ งานนี้ไม่เพียงแค่ทีมงานและดารามีความสุขแล้ว วิกรม และญาติๆ ของเขายังแฮปปี้กลับไปไม่แพ้กัน