รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้เวลา 3 สัปดาห์เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 หากยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงก่อนสิ้นปี ก็จะพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉิน
นิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีที่ดูแลการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้หารือกับคณะผู้เชี่ยวชาญ และระบุว่าช่วงเวลา 3 สัปดาห์นี้คือช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในการควบคุมการระบาดของไวรัสนี้ และหากยังไม่สัญญาณว่าสามารถควบคุมได้ก็จะพิจารณาประกาศภาวะฉุกเฉิน
คณะผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเข้มงวดในช่วง 3 สัปดาห์นับจากนี้ ขอให้ประชาชนงดเว้นจากการเดินทางไปมาจากพื้นที่ที่ไวรัสกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะศึกษามาตรการที่เป็นไปได้ร่วมกับผู้ว่าการจังหวัดต่างๆ เพื่อควบคุมติดเชื้อกำลังเพิ่มมากขึ้น
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดเมืองโอซากา และเมืองซับโปโรบนเกาะฮอกไกโด ออกจากโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว Go To Travel และงดจำหน่ายคูปองส่วนลดสำหรับกินอาการนอกบ้านในโครงการ Go To Eat ชั่วคราว
ญี่ปุ่นได้ปรับปรุงกฎหมายควบคุมโรคระบาดเมื่อเดือนเมษายน อนุญาตให้นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขได้ในทันที แต่อำนาจตามกฎหมายทำได้เพียงขอร้องให้ประชาชนไม่ออกนอกบ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย รวมถึงขอให้ร้านค้าลดเวลาทำการโดยให้เงินชดเชย แต่ไม่สามารถใช้มาตรการลงโทษ ปรับเงิน สั่งหยุดกิจการ หรือล็อกดาวน์เมืองได้เหมือนในหลายประเทศ
พื้นที่ซึ่งมีอัตราการะบาดเป็นวงกว้างในขณะนี้ คือ จังหวัดโอซากา, เฮียวโกะ (เมืองโกเบ) และเกียวโต ขณะที่ฮอกไกโดมีความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อจะล้นโรงพยาบาล เนื่องจากฮอกไกโดมีระบบสาธารณสุขที่ด้อยกว่าในเมืองใหญ่ ส่วนกรุงโตเกียวก็มีผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 500 คนต่อวัน และจำนวนของผู้ป่วยอาการร้ายแรงกำลังเพิ่มขึ้น
ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ประกาศว่าจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสในกรุงโตเกียว โดยขอให้ร้านอาหาร บาร์ และร้านคาราโอเกะที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดเวลาเปิดทำการลงเป็นเวลา 20 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน
มาตรการดังกล่าวจะใช้กับสถานประกอบการใน 23 เขตของกรุงโตเกียวและพื้นที่ของเขตทามะ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการนี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 400,000 เยน หรือราว 120,000 บาท