นานาชาติเริ่มสั่งห้ามเดินทางไปยัง “สหราชอาณาจักร” หลังสถานการณ์การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
“กลายพันธุ์” เริ่มควบคุมไม่ได้
โดยประเทศในโซนยุโรปอย่าง ไอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย อิตาลี บัลแกเรีย เบลเยียม รวมถึงตุรกี ประกาศใช้มาตรการ “Travel Bans” กับอังกฤษเป็นการชั่วคราว ซึ่งการเดินทางเเละเที่ยวบินต่างๆ ต้องถูกระงับ
หลายประเทศในเอเชีย กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดในประเด็นการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา โดยฮ่องกงเเละอินเดียเริ่มใช้มาตรการยกเลิกเที่ยวบินจากอังกฤษเเล้ว
ด้านทางการเกาหลีใต้ แถลงวันนี้ว่า กำลังทบทวนมาตรการใหม่สำหรับเที่ยวบินมาจากสหราชอาณาจักร และจะตรวจหาเชื้อซ้ำ 2 ครั้งก่อนปล่อยตัวจากศูนย์กักกันโรค โดยปัจจุบันเกาหลีใต้กำหนดให้ผู้เดินทางมาจาก “ทุกประเทศ” ต้องกักตัว 14 วัน
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ กำหนดใช้มาตรการควบคุมการระบาดขั้นที่ 4 และยกเลิกแผนผ่อนปรนมาตรการในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายคน ประมาณ 16.4 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชาชนทั่วประเทศ จะต้องกักตัวอยู่บ้าน ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น ไปทำงาน ขณะที่ร้านค้าที่ไม่จำเป็น ตลอดจนถึงสถานบันเทิง และสันทนาการในร่มต้องปิดให้บริการ นอกจากนั้นยังจำกัดการรวมกลุ่มไม่เกิน 2 คนและต้องเป็นพื้นที่นอกอาคาร โดยกฎใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 ธ.ค.)
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของอังกฤษ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้น มีความร้ายแรงกว่า COVID-19 ปกติ ทำให้เกิดความกังวลว่าวัคซีนที่พัฒนามาเเล้วจะสามารถป้องกันได้มีประสิทธิภาพหรือไม่ เเละอาจจะมีการตอบสนองต่อวัคซีนแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อพิสูจน์ว่า COVID-19 กลายพันธุ์นี้เเพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นถึง 70%
Matt Hancock รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ในภาวะ “เกินควบคุม” เต่ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์นี้ให้ได้นับเป็นการส่งท้ายปีที่ยากลำบากจริงๆ
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรตรวจพบการกลายพันธุ์ของ COVID-19 หรือที่มีการเรียกว่า UK Varient เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และเมื่อเดือนพฤศจิกายน มีการตรวจพบผู้ป่วย COVID-19 สายพันธุ์นี้ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ก่อนจะรุนเเรงขึ้น โดยเพิ่มเป็นเกือบ 2 ใน 3 เมื่อกลางเดือนธันวาคม