อีกหนึ่งผู้ประกอบการแถวหน้าในตลาดอสังหาฯ “เอสซี แอสเสท” มองภาพยาว 2 ปี 2564-65 ยังต้องระวังตัวสูง พร้อมปรับแผนได้ตามสถานการณ์ ปีนี้เตรียมเปิดตัว 11 โครงการ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท เน้นคนระดับบนที่ยังมีกำลังซื้อ พร้อมจัดงบ 25,000 ล้านบาท เร่งซื้อที่ดินไม่ต่ำกว่า 30 แปลงในช่วงสองปีนี้
ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยยอดขายบริษัทปี 2563 ทำได้รวม 16,600 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายโครงการแนวราบ 14,800 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 1,800 ล้านบาท เห็นได้ว่าโครงการแนวราบขายได้ดีมาก เติบโตถึง 37% จากปีก่อนหน้า แต่คอนโดฯ เผชิญความท้าทายของตลาด ทำให้ยอดขายต่ำลง
สำหรับแผนงานอนาคต ณัฐพงศ์มองภาพต่อเนื่องเป็น 2 ปีคือปี 2564-65 จะเป็นปีแห่งความท้าทาย ทำให้บริษัทจะเตรียมพร้อมรับมือใน 3 ด้าน คือ ที่ดิน, สภาพคล่อง และสินค้า
ด้านที่ดิน บริษัทเตรียมงบ 25,000 ล้านบาทในรอบ 2 ปีนี้เพื่อจัดหาที่ดินไม่ต่ำกว่า 30 แปลงไว้รอการพัฒนา โดยเฉพาะกลุ่มโครงการแนวราบ
ด้านสภาพคล่อง เอสซีฯ จะเน้นการรักษากระแสเงินสดต่อเนื่องจากปีก่อน โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดมากกว่า 10,000 ล้านบาท และรักษาระดับอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ 1.38 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 5 ปี
สุดท้ายคือด้านสินค้า จะเน้นบ้านที่มีดีไซน์ตอบโจทย์หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านสำหรับคนต่างเจนเนอเรชันบ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิต เช่น “บ้านคนโสด” หรือฟังก์ชันบ้านที่เหมาะกับโลกยุคหลัง COVID-19 เช่น จัดพื้นที่ทำงานเพิ่มขึ้น พื้นที่โรงหนังขนาดเล็กในบ้าน รวมถึงมีเทคโนโลยีต่างๆ ในบ้าน เช่น รู้ใจ Pulse ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจสอบสภาพบ้าน สิ่งเหล่านี้เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อ
“ปีนี้จะชี้ชัดว่าจะเป็นอย่างไรนั้นบอกยากมาก ที่จริงเรามองไป 2 ปีเลยด้วยว่า 2564-65 ยังต้องระมัดระวังต่อไป” ณัฐพงศ์กล่าว “เราทำ scenario ไว้ทั้งหมดเพื่อเตรียมพร้อม เราสามารถดูจากดัชนีรายได้ที่เข้ามาได้เลยว่า ถ้ารายได้เข้าไม่เป็นไปตามเป้า เราจะเบรกแผนงานบางอย่างไว้เลย เพราะกระแสเงินสดยังสำคัญมากที่สุดในตอนนี้”
เปิดตัวใหม่ 11 โครงการ เน้นแนวราบระดับบน
สรุปปี 2564 เอสซี แอสเสทเตรียมเปิดตัว 11 โครงการ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 8 โครงการ มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท และคอนโดฯ 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท
ณัฐพงศ์ระบุว่า ปีนี้แบรนด์หลักจะยังเป็น “บางกอก บูเลอวาร์ด” ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหรูราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากกระแสต่อเนื่องจากปีที่แล้วแบรนด์นี้เป็นตัวที่ขายดี แต่จะเติมด้วยพอร์ตเซ็กเมนต์อื่นด้วยคือ “เวนิว” เป็นบ้านเดี่ยวราคาย่อมลงมาที่ 5-10 ล้านบาท
“คนที่มีเงินสดตอนนี้คือคนที่ซื้อบ้านได้ ดังนั้น คิดว่าอีก 1-2 ปีบ้านระดับบนจะยังไปได้ดี แต่ถ้าเศรษฐกิจยังเป็นแบบนี้ต่อเนื่องอีก 2 ปี เมื่อนั้นก็จะเริ่มมีปัญหาเหมือนกัน” ณัฐพงศ์กล่าว
ส่วน คอนโดฯ นั้นทางเอสซีฯ ยังไม่เปิดเผยว่าจะเป็นโครงการอะไรในทำเลไหน แต่ยอมรับว่าตลาดคอนโดฯ ยัง “ท้าทายมาก” ด้วยความต้องการที่ลดลง และกำลังซื้อต่างชาติที่ขาดหายไป เชื่อว่าตลาดคอนโดฯ จะกลับมาได้อีกครั้งน่าจะราวๆ ปี 2566-67 เลยทีเดียว
เป้ายอดขายปี 2564 ของเอสซีฯ ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% ส่วนเป้ารับรู้รายได้อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท แม้จะเป็นปีที่ระมัดระวัง แต่เป้าของเอสซีฯ ก็สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยังต้องการเติบโตต่อเนื่อง