“ฮ่องกง” คลายล็อกดาวน์ร้านอาหารในรอบ 2 เดือน แต่ลูกค้ายังหวั่นแอปฯ ติดตามของรัฐ

(Photo by Anthony Kwan/Getty Images)
“ฮ่องกง” อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ จำกัดเวลาเปิดร้านอาหารมากว่า 2 เดือน โดยเมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 2020) เป็นวันแรกที่อนุญาตให้เปิดร้านได้ยาวถึง 4 ทุ่ม และนั่งทานได้ไม่เกิน 4 คน แต่ขอความร่วมมือให้ลูกค้าสแกนแอปฯ ของรัฐเช็กอินเข้าร้าน โดยส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้ระบบเดิมคือเขียนชื่อและเบอร์ติดต่อให้ร้านโดยตรง เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัยของข้อมูล

สำนักข่าว South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า เมื่อวานนี้ (18 ก.พ. 2020) เป็นคืนแรกที่รัฐอนุญาตคลายล็อกดาวน์การนั่งทานอาหารในร้าน หลังจากเกาะฮ่องกงต้องเผชิญการระบาดรอบที่ 4 และร้านอาหารต้องปิดการนั่งทานอาหารในร้านในเวลา 6 โมงเย็นมานานกว่า 2 เดือน รวมถึงให้นั่งทานได้โต๊ะละไม่เกิน 2 คน

จากการคลายล็อกดาวน์ ร้านอาหารได้รับอนุญาตให้เปิดได้ถึงเวลา 22.00 น. และเพิ่มคนในโต๊ะเดียวกันเป็น 4 คน ทั้งนี้ รวมทั้งร้านต้องมีลูกค้าไม่เกิน 50% ของพื้นที่ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม SCMP รายงานบรรยากาศการคลายล็อกดาวน์วันแรกยังคงเงียบเหงา มีผู้คนทานอาหารในช่วงหลัง 6 โมงเย็นบางตา และเชนฟาสต์ฟู้ดบางแห่ง เช่น MOS Burger รวมถึงร้านอาหารบางร้าน ยังคงปิดการทานในร้านหลัง 6 โมงเย็นต่อไป โดยมีหลายเหตุผลที่ทำให้ลูกค้ายังไม่กลับมา และร้านไม่เปิดตามมาตรการ

แอปพลิเคชัน Leave Home Safe (Photo : aud.gov.hk)

หนึ่งในนั้นคือการเปิดแอปพลิเคชันใหม่ของรัฐบาล คือ Leave Home Safe ซึ่งขอความร่วมมือให้ร้านอาหารติดตั้ง QR Code ไว้หน้าร้านให้ลูกค้าสแกนเช็กอินเข้าร้าน ใช้สำหรับการติดตามตัวผู้มีความเสี่ยง (contact tracing) แต่ลูกค้ายังมีอีกทางเลือกคือกรอกประวัติส่วนตัวด้วยมือทิ้งไว้กับร้านอาหาร เพื่อใช้ในการติดตามตัว

SCMP ได้ทำการสอบถามลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งมีโต๊ะรองรับทั้งหมด 9 โต๊ะ นั่งได้โต๊ะละ 4 คน ลูกค้าที่เข้าระหว่างเวลา 18.00-19.00 น. นั้นมีเพียงคนเดียวที่เลือกสแกน QR Code ส่วนที่เหลือยังคงเลือกการกรอกประวัติไว้กับทางร้านโดยตรง

พนักงานร้านขนมหวาน Tin Hau Dessert วัย 70 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกค้ามักจะแสดงความหงุดหงิดที่ต้องสแกนแอปฯ ของภาครัฐ และจะเลือกเขียนประวัติให้กับร้านโดยตรง SCMP ยังสัมภาษณ์ลูกค้ารายหนึ่งของร้าน เธอเป็นติวเตอร์วัยประมาณ 30 ปีซึ่งมาซื้อขนมกลับบ้าน เธอระบุว่ายังไม่ต้องการมานั่งทานในร้านเพราะจะต้องให้ข้อมูลกับรัฐ แม้แต่การเขียนข้อมูลส่งให้กับทางร้านก็ตาม และตนไม่ต้องการจะโหลดแอปฯ หากเป็นไปได้

Photo : Shutterstock

ในทางกลับกัน ลูกค้าบางรายก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดใจกับมาตรการใหม่ของรัฐ เช่น Keith Wong ฟรีแลนซ์วัย 25 ปี หรือ Jasmine Chan วัย 23 ปี ระบุว่าตนสบายใจที่ได้ทิ้งข้อมูลติดตามตัวไว้ เพราะทำให้การมาทานอาหารปลอดภัยขึ้น หากมีเคสติดเชื้อที่เกี่ยวข้องก็จะได้รับการแจ้งเตือนทันที

คืนวันแรกของการคลายล็อกดาวน์นั้นเป็นวันพฤหัสบดี และลูกค้ายังไม่คุ้นเคย ยังคงระวังตัวกับการติดตามของรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวของร้านอาหารในฮ่องกงเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ขยายเวลาเปิดเลย

โดยจุดที่น่าจะได้รับอานิสงส์บวกมากที่สุดคือย่านจิมซาจุ่ย เพราะมีผับ บาร์ ร้านอาหารหลายแห่งที่เหล่าพนักงานนิยมมานั่งดื่มกินกันหลังเลิกงาน ทำให้เป็นจุดที่คนมากที่สุดในวันแรกที่คลายล็อกดาวน์

The Blind Pig หนึ่งในร้านอาหารย่านนี้มองว่า การคลายล็อกดาวน์ให้เปิดได้ถึง 4 ทุ่มน่าจะทำให้รายได้ของร้านเพิ่มขึ้น 30% และหวังว่าจะสามารถทำรายได้ชดเชยช่วงที่ร้านต้องปิดไป

ฮ่องกงนั้นเป็นสวรรค์ของการทานอาหารยามค่ำคืนไปจนถึงดึกดื่นคล้ายกับประเทศไทย การขยายเวลาเปิดร้านช่วงดึกจึงเป็นสิ่งสำคัญมากต่อธุรกิจนี้

Source