‘Volkswagen’ คาดภายในปี 2573 ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ครึ่งหนึ่งจะเป็น ‘รถอีวี’

(Photo by Julian Stratenschulte/picture alliance via Getty Images)
‘Volkswagen’ แบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมันซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์รถหรูอื่น ๆ อาทิ Audi, Lamborghini, Porsche กำลังเร่งแผนสำหรับพลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อให้กลายเป็น “แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุดในโลก” ซึ่งตอนนี้มี Tesla รั้งตำแหน่งนี้อยู่

Volkswagen คาดว่ายอดขายรถยนต์ในยุโรปกว่า 70% จะเป็น ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ หรือ ‘รถอีวี’ ภายในปี 2573 จากเดิมที่คากว่าจะมีสัดส่วนแค่ 35% และตามกรอบเวลาเดียวกันเชื่อว่ายอดขายรถอีวีใน สหรัฐอเมริกา และ จีน จะคิดเป็น 50% ของตลาดรถยนต์ ทั้งนี้ Volkswagen คาดว่าจะส่งมอบรถอีวีในยุโรปได้มากกว่า 1 ล้านต่อปี

“เรากำลังก้าวไปอีกขั้น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะเปลี่ยน Volkswagen อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” Ralf Brandstaetter ผู้นำแบรนด์ Volkswagen กล่าว

ที่ผ่านมา Volkswagen มีแผนจะลงทุนประมาณ 16,000 ล้านยูโร (19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับเทคโนโลยีด้านยานยนต์ในอนาคต อาทิ e-mobility, hybridization และ digitalization ภายในปี 2568 นอกจากนี้ มีแผนที่จะทำให้ฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติพร้อมใช้งานในวงกว้างภายในปี 2573

จับตา ‘Volkswagen’ ในศึก ‘รถ EV’ เตรียมทุ่มเงิน 4.3 หมื่นล้านเหรียญงัดข้อกับ ‘Tesla’

Volkswagen เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายล่าสุดที่ประกาศว่าเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในแบบเดิมมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด ส่วน General Motors ได้มีแผนที่จะเปลี่ยนเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปี 2578 ขณะที่แบรนด์รถยนต์น้องใหม่ ‘Stellantis’ ที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างแบรนด์ ‘Fiat Chrysler’ และ ‘PSA Groupe’ มีแผนจะผลิตแต่รถอีวีหรือไฮบริดภายในปี 2568

รถยนต์ไฟฟ้า Volkswagen ID3

แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวอาจดูห่างไกล แต่โดยปกติแล้วผู้ผลิตรถยนต์จะใช้เวลา 5-7 ปีในการพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ แต่พอเป็นรถอีวีคาดว่าจะลดกรอบเวลาดังกล่าวลง เนื่องจากต้องใช้ส่วนประกอบน้อยกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป

แรงจูงใจจากรัฐบาลและมาตรการลดการปล่อย CO2 ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกำลังผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์เดินหน้าปล่อยรถอีวีมากขึ้น โดย IHS Markit รายงานว่าในปี 2563 ปัจจุบันรถอีวีคิดเป็น 3.3% ของยอดขาย 76.5 ล้านคันทั่วโลก ขณะที่บริษัทวิจัยคาดว่ายอดขายรถอีวีจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.2 ล้านคันในปี 2568 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการเติบโตเกือบ 52% ต่อปี

ทั้งจากการประกาศทิศทางของผู้ผลิตรถยนต์หลายราย รวมถึงการคาดการณ์ถึงปริมาณยอดขายรถอีวีในอนาคต ซึ่งทำให้นักลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ และผู้ผลิตรถอีวีคงสบายใจได้มากขึ้น อย่างการเติบโตของหุ้นของ Tesla ในปีที่แล้วจนกลานเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในโลก น่าจะเป็นบทพิสูจน์ว่าเทรนด์รถอีวีกำลังมาแรงจริง

Source