บทบาทใหม่ “ดร.กุลเดช สินธวณรงค์” จากสถาปนิก นักการตลาด สู่นักดำน้ำ Sea Mastermind

พูดคุยกับ “ดร.กุลเดช สินธวณรงค์” ผู้คร่ำหวอดในวงการสถาปนิก การตลาด แต่ในตอนนี้มาพร้อมกับบทบาทใหม่ที่มาจาก Passion ส่วนตัว นั่นคือการเป็นนักดำน้ำ และครูสอนดำน้ำ พร้อมกับเปิดสถาบัน Sea Mastermind เพื่อเติมเต็มความฝันที่อยากทำ

นักธุรกิจผู้มี Passion กับโลกใต้น้ำ

ถ้าใครที่อยู่ในวงการสถาปนิก และแวดวงการตลาด คงจะคุ้นเคยกับชื่อ “ดร.กุลเดช สินธวณรงค์” หรือดร.โป้ กันอยู่พอสมควร เป็นผู้ก่อตั้ง JARKEN ผู้ออกแบบที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ และโครงการต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์ การตลาดอีกด้วย

ทั้ง 2 บทบาทถือว่าอยู่ในหมวกของ “นักธุรกิจ” แต่หมวกอีก 1 ใบที่ดร.โป้ในวัย 48 ปี กำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ก็คือ “นักดำน้ำ” หรือครูสอนดำน้ำ เรียกว่าเป็นการทำ Passion สมัยวัยหนุ่มให้เป็นความจริง พร้อมกับเปิดสถาบันสอนดำน้ำครบวงจร Sea Mastermind

เมื่อถามว่าดร.โป้เริ่มดำน้ำตอนปีไหน ถ้าให้ตอบเป็นปีก็คงจะลำบาก เอาเป็นว่ามีประสบการณ์ดำน้ำมาแล้ว 25 ปี แต่เดิมดำน้ำเป็นงานอดิเรกเท่านั้น สมัยก่อนกิจกรรมดำน้ำยังไม่เป็นที่นิยมเท่าตอนนี้ด้วย แต่เมื่อตอนนี้อะไรหลายๆ อย่างลงตัว เริ่มหวนกลับไปโลกใต้น้ำอีกครั้ง

“สมัยก่อนกิจกรรมดำน้ำไม่ค่อยนิยมเฟื่องฟูเหมือนตอนนี้ เริ่มดำน้ำสมัยที่กลับจากต่างประเทศใหม่ๆ ก็ทำงานประจำไปด้วยตามปกติ แต่ว่าตอนนั้นดำน้ำเป็นกิจกรรมที่ไม่ค่อยฮิต เพราะอุปกรณ์เครื่องมือแพง ไม่ได้ชอบมากเท่าไหร่ ด้วยหลายเหตุผล แต่พอผ่านมา 10 กว่าปีก็คิดถึงโลกใต้ทะเล ตอนนี้พอการงานทุกอย่างอยู่ตัว เลยอยากหาสิ่งที่อยากทำ แต่ยังทำได้ไม่เต็มที่ เลยตั้งโรงเรียนเล็กๆ ขึ้นมาตอนปี 2017 เรียกว่าเปลี่ยน Passion เป็น Profession มากกว่า”

คิดถึงดำน้ำ เลยตั้ง Sea Mastermind

ดร.โป้เริ่มก่อตั้ง Sea Mastermind ในปี 2017 เป็นสถาบันสอนดำน้ำ ตอนนั้นไม่ได้มองภาพตลาดอะไรเท่าไหร่ แค่อยากทำในสิ่งที่อยากทำ และต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ดำน้ำให้แก่บบุคคลอื่นๆ เพราะในยุคปัจจุบันคนนิยมดำน้ำมากขึ้น อุปกรณ์ถูกลง และคนเปิดรับกับกิจกรรมดำน้ำมากขึ้นด้วย

“ตอนนั้นไม่ได้มองภาพตลาด แค่อยากทำกิจกรรมของตัวเอง อยากทำสิ่งที่คิดถึงในอดีต เป็น Passion คนแก่ อยากถ่ายทอดอะไรให้น้องๆ รุ่นใหม่รู้ว่าทะเลไทยมีอะไรให้ดูเยอะ อยากเล่าประสบการณ์ที่ดำน้ำมาเยอะ ให้รู้ว่ามีความสนุกรออยู่ข้างหน้าอีกเยอะ” 

ดร.โป้บอกว่า ไม่ได้มอง Sea Mastermind เป็นโรงเรียน วางจุดยืนเป็น “บริการ” มอบประสบการณ์ให้กับคนไม่เคยสัมผัสโลกใต้ทะเล ทำให้แตกต่างจากโรงเรียนสอนดำน้ำอื่นๆ เรียกว่าเป็น Experience Provider คนที่เข้ามาเขาไม่เข้ามาเรียน แต่มาหาสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้ไลฟ์สไตล์แบบใหม่

ตั้งแต่ดำน้ำ ยันถ่ายภาพใต้น้ำ

Sea Mastermind จะมี 10 หลักสูตรใหญ่ แต่จะแยกเป็น 50-60 หลักสูตรย่อย มีพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีราคาเริ่มต้นที่ 7,500 บาท ใช้ระยะเวลาเรียน 1-2 วัน ไปจนถึงคอร์สครูสอนดำน้ำราคา 50,000 บาท ใช้เวลาเรียน 1 เดือน โดยที่หลักสูตรฟรีไดฟ์ยอดนิยมสุด

sea mastermind กุลเดช

นอกจากหลักสูตรสอนดำน้ำ ยังมีช็อปขายสินค้า Sea Concept Store มี 2 สาขา ที่ RCA และแจ้งวัฒนะ และมีสาขาย่อยๆ อีก 30 แห่งตามแหล่งทะเล

ดร.โป้บอกถึงกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่ง มีการแยกช็อปร้านค้าแบบชัดเจน ซึ่งปัญหาที่พบในยุคก่อนก็คือ ครูดำน้ำจะเอาธุรกิจมาปนกับการท่องเที่ยว มีการพ่วงขายของ ขายสินค้า โมเดลธุรกิจดำน้ำในสมัยก่อน ครูจะพาไปทริป และขายอุปกรณ์ด้วย แต่ในยุคนี้มองว่าผู้บริโภคมีโอกาสเลือก ฉลาดมากขึ้น สามารถเลือกเรียน เลือกซื้อสินค้าอย่างไรก็ได้

Sea Concept Store

จึงวางจุดยืนให้แยกจากกัน Sea Mastermind เป็นบริการที่ให้ประสบการณ์ ส่วน Sea Concept Store เป็นเหมือนแกลลอรี่ชมงานอาร์ต เป็นเดสติเนชั่นของคนดำน้ำ สามารถลองอุปกรณ์ได้

นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรโมเดลลิ่ง สอนถ่ายภาพใต้น้ำ เพราะการดำน้ำคือไลฟ์สไตล์ การโชว์ตัวตน จะเห็นว่าหลายคนที่ไปดำน้ำล้วนอยากได้ภาพสวยๆ โพสคู่กับโลกใต้ทะเล หลักสูตรนี้จึงดีไซน์มาเพื่อการถ่ายรูปใต้น้ำโดยเฉพาะ ปั้นนางแบบ ดารา สอนการเลี้ยงตัวใต้น้ำ รับงานใต้น้ำ

คนไทยฮิตดำน้ำมากขึ้น

แต่เดิมตลาดดำน้ำในไทยส่วนใหญ่ 90% ถูกนักท่องเที่ยวต่างชาติครองหมด ตอนนี้เลยกลายเป็นตลาดภายในประเทศแทน คนที่เที่ยวก็มีกำลังซื้อด้วย ตอนนี้ทะเลสะอาดขึ้น เพราะเหมือนทะเลได้ผ่านการพัก และฟื้นตัวจากการที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมา

sea mastermind

ตลาดดำน้ำจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ

  1. ดำน้ำผิวน้ำ สัดส่วนราว 60% เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างแมส และตลาดใหญ่มาก ดำแค่ผิวน้ำ ใช้อุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้งบไม่เยอะ มีแค่ท่อ หน้ากาก ฟิน ตีนกบ กิจกรรมดำน้ำผิวน้ำ มีเดียมเอ็น อุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้ท่อ หน้ากาก ฟิน และตีนกบ
  2. ฟรีไดฟ์วิ่ง หรือฟรีไดฟ์ มีสัดส่วน 30% กลุ่มนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น คนมีกำลังซื้อสูง ใช้อุปกรณ์ ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชิ้นราคาเฉลี่ยหมื่นบาทต่อชิ้น แต่คนดำน้ำจะชอบซื้อเหมือนเป็นแกดเจ็ต ซื้อเป็นของแฟชั่น ตอนนี้เรียน 1-2 วันก็สามารถดำน้ำได้แล้ว
  3. ดำน้ำลึก มีสัดส่วน 10% เพราะต้องเรียนเยอะ อุปกรณ์เยอะ ต้องคนที่ชื่นชอบ และมีเวลาจริงๆ ถึงมาเรียน

sea mastermind

จริงๆ แล้วศักยภาพทะเลไทยยังมีอีกมากมายมหาศาล ตอนนี้สะอาดมากขึ้น ไม่โดนรบกวนจากต่างชาติ คนไทยก็ได้เที่ยวในประเทศมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

“พอทะเลได้พัก เหมือนได้ฟื้นฟู สัตว์ใหญ่ๆ ก็กลับมา มีช่วงหนึ่งที่คนไม่ดำน้ำในไทย เพราะว่าไม่มีอะไรให้เห็นแล้ว จริงๆ ทะเลไทยสมบูรณ์อยู่แล้ว เพียงแต่การท่องเที่ยวของเราไปกวนพวกเขาจนไม่อยากมาอยู่ ตอนนี้ได้เห็นทะเลสวยๆ แล้ว ส่วนตัวประทับใจหมู่เกาะสุรินทร์ที่สุด เหมือนดำน้ำในอควาเรี่ยม น้ำใสเป็นกระจก มีเต่าว่ายน้ำด้วย ปลาแน่นเหมือนในตู้ปลา”

3 บทบาท สถาปนิก นักการตลาด นักดำน้ำ

ดร.โป้ได้พูดถึง 3 บทบาทที่เป็นอยู่ในตอนนี้ โดยที่มี Passion กับทั้ง 3 อาชีพที่ทำอยู่ และยังสนุกกับการทำงาน ได้เป็นตัวเองในทุกบทบาท แต่มองว่าการเป็นสถาปนิกและให้ปรึกษาการตลาดค่อนข้าง “อยู่ตัว” แล้ว เพราะทำมานาน สามารถนำมาผสมผสานกันได้ด้วย ทั้งเรื่องงานดีไซน์ การพัฒนาหลักสูตร ซึ่งดร.โป้ก็เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยด้วย

sea mastermind

“ตอนนี้ Enjoy กับการทำทุกอย่าง สอนดำน้ำ สถาปนิก และการตลาด ได้เป็นตัวเองทั้งหมด จริงๆ สามารถเอางานดีไซน์มาใช้การพัฒนาธุรกิจ มองว่าไม่ได้ทำงานหนักขึ้น แต่ทำดีขึ้นมากกว่า เพราะชอบดำน้ำ ชอบมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสทำ พอได้มาทำแล้วสนุก คิดว่าถ้าทำเมื่อ 20 ปีก่อนอาจจะไม่ได้ดีเท่าตอนนี้ก็ได้ เพราะยังไม่ตกผลึกเต็มที่”

ถ้าถามว่ามีการแบ่งเวลาการทำงานอย่างไรบ้าง ดร.โป้บอกว่า ตอนนี้การทำงานเหมือนเป็นการพักผ่อน แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบทำงานตอนเช้า ชอบคิดกลยุทธ์ต่างๆ ในตอนเช้า พอตอนบ่ายๆ จะไปตีเทนนิส วันเสาร์จะเล่นกีฬา และสอนดำน้ำ ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นวันครอบครัว ไปออกทริปดำน้ำบ้างเลือกตามฤดูกาล

มี Passion ในการใช้ชีวิตเยอะขนาดนี้ เมื่อถามว่าตอนนี้ยังอยากทำอะไรอีกบ้าง ดร.โป้บอกว่า “สมัยเรียนอยู่ม.ต้น จะชอบจับกลุ่มเดินป่ากับเพื่อน อยากทำเทรกกิ้งเดินป่าอีก แต่อยากทำในเส้นทาง จุดหมายที่คนยังไม่ค้นพบ” 

และที่แน่ๆ คือตอนนี้ Sea Mastermind กำลังอยู่ในทะเล เป้าหมายสำคัญคือการหาน่านน้ำใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยค้นพบ เป็นประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ