จีนเริ่มใช้ ‘วัคซีน พาสปอร์ต’ เป็นประเทศเเรกของโลก สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่วางเเผนจะเดินทางข้ามพรมแดน โดยจะเเสดงข้อมูลสุขภาพบนเเอปพลิเคชัน WeChat
จากรายงานของ AFP ระบุว่า รัฐบาลจีนได้เปิดตัวโครงการใบรับรองสุขภาพเเบบดิจิทัล สำหรับพลเมืองจีนที่ต้องการเดินทางระหว่างประเทศ โดยจะมีการแสดงสถานะการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เเละผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาของผู้ใช้ ผ่านเเพลตฟอร์ม WeChat โซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวว่า ใบรับรองดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามพรมแดน ซึ่งขณะนี้เพิ่งเริ่มใช้กับชาวจีนเท่านั้นและ ‘ไม่บังคับ’ ให้ชาวจีนทุกคนต้องใช้
แม้ว่าใบรับรองสุขภาพเเบบดิจิทัลดังกล่าว จะมีไว้สำหรับการเดินทางเข้าและออกจากประเทศจีน เเต่ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีประเทศไหนบ้างที่ยอมรับใบรับรองนี้ ‘ร่วมกัน’ ส่วนทางการจีนเอง ก็ยังไม่ได้ประกาศผ่านปรนมาตรการกักตัว เพื่อดูอาการสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่เข้ารับการฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ใบรับรองนี้ถือเป็น Virus Passport หรือ Vaccine Passport ที่มีการเริ่มใช้เป็นรายเเรกของโลก และยังมีบริการในรูปแบบเอกสารกระดาษด้วย
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เพิ่งเสนอให้มีการออกใบอนุญาตเดินทางระบบดิจิทัล หรือ ‘Digital Green Pass’ เพื่อเปิดพรมเเดนให้ผู้คนเดินทางเเละร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศในสหภาพยุโรป โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายใน ‘3 เดือน’ ข้างหน้านี้
ขณะที่ ‘เดนมาร์ก’ ประกาศเเผนการใช้ ‘วัคซีน พาสปอร์ต’ เเบบดิจิทัลในช่วงกลางปีนี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษกิจ โดยจะเริ่มจากกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศก่อน จากนั้นจะขยายให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม
ส่วนสหรัฐฯ และอังกฤษ ก็อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพิจารณาใช้ใบรับรองสุขภาพ ที่มีรูปแบบลักษณะเดียวกันนี้ด้วย
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า โครงการ ‘วัคซีน พาสปอร์ต’ ของจีนจะมี QR Code เป็นรหัสที่ช่วยให้แต่ละประเทศได้รับข้อมูลสุขภาพของนักเดินทาง โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลเริ่มใช้ ‘รหัส QR สุขภาพ’ ในเเอปฯ WeChat และแอปฯสมาร์ทโฟนอื่นๆ ของจีน สำหรับชาวจีนที่ต้องการเดินทางในประเทศและเข้าพื้นที่สาธารณะที่ต้องยืนยันสถานะ
อย่างไรก็ตาม ระบบดังกล่าวทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และเกรงว่าอาจจะเป็นการขยายการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของประชาชนของรัฐบาลจีน