แม้จะไม่ใช่ผู้ที่มาก่อน แต่ด้วยความเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในตลาดอย่างโซนี่ ทำให้เมื่อขยับเข้าตลาดกล้องคอมแพคเปลี่ยนเลนส์ได้ หรือกล้องไร้กระจกเปลี่ยนเลนส์ ทำให้โซนี่กลายเป็น Fast Follow ได้อย่างไม่ยาก
“โทรุ ชิมิซึ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทโซนี่ ไทย จำกัด เริ่มมองเห็นสัญญาณว่ากล้องคอมแพคไม่โต แม้ว่าโซนี่จะเป็นแชมป์ในตลาดคอมแพค ด้วยส่วนแบ่งกว่า 30% แต่ก็ไม่อาจผลักดันตลาดไปได้มากกว่านี้ เพราะถึงเวลาที่ตลาดกล้องคอมแพคอิ่มตัว จึงถึงเวลาที่เป้าหมายของโซนี่ต้องมีมากกว่านั้นคือการขยับขึ้นมาในตลาดที่สูงขึ้น เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่ชอบถ่ายรูปมากขึ้น และอยากได้คุณภาพสูงขึ้น โซนี่ซึ่งมีโจทย์ใหญ่ที่ไม่อาจแข่งกับแคนนอนในตลาดบน หรือในกลุ่มมืออาชีพ และกึ่งมืออาชีพอย่าง DSLR ได้ จึงต้องหาทางออกให้ได้
หลังเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่โซนี่เริ่มเปิดตัว NEX 3 และ 5 ซึ่งเป็นกล้องที่โซนี่เรียกว่าไร้กระจกเปลี่ยนเลนส์ชุดแรกของโซนี่ ซึ่งโซนี่จัดให้อยู่ในกลุ่ม DSLR ด้วย “โทรุ” บอกว่า NEX คือ ”ฮีโร่” ของโซนี่ เพราะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของโซนี่เพิ่มขึ้นเป็น 17% จากเดิมที่มีอยู่เพียง 5-6% เท่านั้น ทุกวันนี้สำหรับ NEX อยู่ในสภาพ ”ขาดตลาด” เพราะไม่เพียงเมืองไทยที่นิยม แต่ในภูมิภาคเอเชีย ก็กลายเป็นเทรนด์แรงไม่แพ้กัน ทำให้ ”โทรุ” ยิ้มได้กว้าง เพราะนอกจากพอใจกับยอดขายแล้ว โซนี่ยังบอกว่าตัวเองได้สร้างเทรนด์ใหม่ให้ตลาดอีกครั้ง
ความชัดเจนในการทำตลาดของโซนี่ เกิดขึ้นตั้งแต่การวาง PositioningของNEX ให้เป็นGadgetใหม่ของคนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงนำไปสู่การมี ”คริส หอวัง” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ที่มีบุคลิกสะท้อนความเป็นคนรุ่นใหม่ โดยจับกลุ่มเป้าหมายแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มย้ายมาจากกล้องคอมแพค เพื่อให้ได้ภาพที่ดีกว่า มีลูกเล่นหลากหลายมากขึ้น หรือเป็นในกลุ่มที่เรียกว่า Prosumerและกลุ่มรองลงมา คือ กลุ่มผู้ใช้กล้องDSLR ที่มองหากล้องตัวที่สองสำหรับพกพา หรือเดินทาง
สำหรับกระบวนการสื่อสารนั้นผ่านการสื่อสารทั้ง Above the line โฆษณาทีวีซี ในสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อนอกบ้าน และ Below the line สร้างประสบการณ์ ณ จุดขาย และกิจกรรมออนกราวด์กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น ทริปถ่ายภาพ สนับสนุนทรรศกาลถ่ายภาพ สำหรับช่างภาพดัง 16 คน ที่ใช้กล้อง NEX จัดแสดงที่ดีโอบี หัวลำโพงในช่วง 26 สิงหาคม -26 กันยายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมออนไลน์เปิดการประกวดภาพถ่าย และให้ผู้ชมเข้าไปคลิกโหวดภาพที่ชื่นชอบผ่านhttp://dslr.sony.co.th/nexในแนวคิด ”ใจดี” เพื่อช่วยสังคม โดยโซนี่บริจาคเงิน 1 บาทต่อ 1 คลิก สูงสุด 1 แสนบาทให้มูลนิธิยุวพัฒน์ ขณะเดียวกันก็ยังมีการใช้สื่อSocial Mediaอย่าง Facebook อีกด้วย ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่โซนี่ได้ข้อสรุปว่าการสื่อสารผ่านออนไลน์ทำให้ลูกค้าเชื่อมากกว่า เพราะพฤติกรรมการซื้อกล้อง ผู้บริโภคจะหาข้อมูล และดูคอมเมนต์ต่างๆ ทางออนไลน์และจากเพื่อนในเครือข่ายออนไลน์มาแล้วอย่างดี
การมาแรงของโซนี่ในฐานะรายใหญ่ในตลาดกล้องไร้กระจกเปลี่ยนเลนส์ ทำให้ตลาดนี้ยิ่งชัดมากขึ้นว่าเทรนด์มาแรงแน่ โดยโซนี่เองก็กำลังเฝ้ามองคู่แข่งที่กำลังตามมา ซึ่งถือเป็นการเข้ามาเพื่อช่วยกันกระตุ้นตลาด แต่ด้วยความมั่นใจของโซนี่คือจุดแข็งในความเป็นแบรนด์สินค้าที่เป็น Gadget ในแนวไลฟ์สไตล์ เมื่อกล้องเปลี่ยนเลนส์ถูกใจผู้บริโภคมากขึ้น ความเป็นเบอร์ 1 ของโซนี่จึงเป็นเป้าหมายใหม่ที่โซนี่ประกาศไว้แล้ว อย่างที่ ”โทรุ” บอกว่า “We are on the way to be number 1”