จากอู่ต่อเรือและ “เครื่องบิน” สู่ “แอร์” ทำความเย็นในบ้านของ “Mitsubishi Heavy Duty”


พื้นฐานสำคัญของ “เครื่องปรับอากาศ” คือการมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยให้แอร์เย็นเร็ว ทนทาน และประหยัดไฟ หนึ่งในแบรนด์ที่มีนวัตกรรมทรงประสิทธิภาพของโลกแห่งเครื่องปรับอากาศก็คือ Mitsubishi Heavy Duty เพราะบริษัทอายุมากกว่าร้อยปีนี้ไม่ได้มีแค่ “แอร์” แต่เติบโตมาจากการทำอุตสาหกรรมหนักอย่างอู่ต่อเรือจนถึงเครื่องบิน ทำให้เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกถ่ายทอดมาสู่บ้านพักอาศัยด้วย

Mitsubishi Heavy Duty เป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทยจากโลโก้บนเครื่องปรับอากาศ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ต้นทางของบริษัทนี้ไม่ได้มีแค่แอร์ และมีรากฐานก่อตั้งมานานนับศตวรรษ

แอร์แบรนด์นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากบริษัท Mitsubishi Heavy Industries หรือ MHI ซึ่งก่อตั้งขึ้นในญี่ปุ่นเมื่อปีพ.ศ.2427 ย้อนไปไกลถึงยุคที่ญี่ปุ่นอยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านจากระบอบโชกุนช่วงปฏิรูปเมจิ โดยผูู้ก่อตั้งคือ “ยาตาโร อิวาซากิ” เป็นซามูไรคนหนึ่งในยุคนั้น และเป็นผู้ก่อร่างสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจและคอนเน็กชันจนสามารถขยายการค้าได้อย่างกว้างขวาง

ยุคเริ่มแรกของบริษัทนี้ทำธุรกิจชิปปิ้งทางทะเล แต่จุดพลิกผันเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อบริษัทได้เป็นคู่ค้ากับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อขนส่งอาวุธ เปิดโอกาสให้ Mitsubishi เริ่มขยายไปทำอู่ต่อเรือ เหมืองแร่ ธนาคาร จนมาเปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Heavy Industries ในปีพ.ศ.2477 และยิ่งขยายอุตสาหกรรมไปอีกมาก จนถึงปัจจุบันพอร์ตสินค้าของ MHI มีมากกว่า 700 ประเภท

ส่วนแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty นั้นเป็นแบรนด์ที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศ โดยมีการตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยผ่านการร่วมทุนกับ กลุ่มบริษัท มหาจักร ของคนไทย เริ่มจากทางมหาจักรเป็นผู้นำเข้าเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ และมีสายสัมพันธ์กันจนก่อตั้งโรงงานผลิตแอร์ Mitsubishi Heavy Industries – Mahajak Air Conditioners หรือ MACO ขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เมื่อปี พ.ศ.2531 โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตได้ทั้งแอร์บ้านและแอร์โรงงาน-อาคาร มีผลงานผลิตสะสมไปแล้วมากกว่า 28 ล้านเครื่อง


บริษัทนวัตกรรมขั้นสูงถ่ายทอดสู่ “แอร์” ในบ้าน

ดังที่กล่าวไปว่าจุดเริ่มต้นของ MHI มาจากธุรกิจชิปปิ้ง ขยายสู่อุตสาหกรรมหนัก ซึ่งครอบคลุมไปถึงอู่ต่อเรือ เครื่องบิน แม้กระทั่งฐานปล่อยยานอวกาศ อุตสาหกรรมเหล่านี้ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง มีความแม่นยำ และทนทาน ทำให้ MHI มีการลงทุนศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรม และมีตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี” หรือ CTO เพื่อวางวิสัยทัศน์การพัฒนานวัตกรรมทั้งองค์กร

ผลงานอุตสาหกรรมหนักที่เราอาจไม่เคยทราบว่า MHI มีส่วนร่วม เช่น เครื่องบิน Boeing 787 หรือรุ่น “ดรีมไลเนอร์” ซึ่งทางญี่ปุ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้ถึง 35% ช่วยพัฒนานวัตกรรมวัสดุคอมโพสิทสำหรับกล่องปีกเครื่องบิน (Wing Box) ให้มีน้ำหนักเบาขึ้นถึง 20% นอกจากนี้ MHI ยังมีการพัฒนาเครื่องบินเจ็ทแบรนด์ของตนเองคือ Mitsubishi Regional Jet หรือ MRJ ขนาด 70-90 ที่นั่งด้วย

การลงทุนในนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและมีองค์ความรู้เทคโนโลยีระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า เมื่อ MHI หันมาผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน องค์ความรู้จะถูกนำมาปรับใช้และทำให้สินค้ามีประสิทธิภาพและทนทาน


FUYU Series “แอร์” แรงลมเครื่องบินเจ็ท

เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ของ Mitsubishi Heavy Duty ที่นำเทคโนโลยีแบบเครื่องบินมาใช้คือเครื่องปรับอากาศ ZSXS Super Deluxe Inverter – FUYU Series เพราะมีฟีเจอร์เด่นคือ

1.เทคโนโลยี Jet Flow ออกแบบช่องลมแบบเครื่องบินเจ็ท ส่งลมได้ไกลสุดถึง 17 เมตร ไม่ต้องห่วงเรื่องลมแอร์ไปไม่ถึง

2.Hi Power ส่งลมด้วยพลังสูง เย็นเร็วตามอุณหภูมิที่กำหนดภายใน 15 นาที

3.ระบบ 3D Auto กระจายลมเย็นทั่วทุกมุมห้อง หมดปัญหาเรื่องห้องไม่เย็นในบางจุด

4.Allergen Clear Filter แผ่นฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติดักจับและต่อต้านสารก่อภูมิแพ้

5.Nano Air Filter สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ควันพิษ เข้ากับยุคนี้ที่ปัญหาฝุ่นมีมากขึ้น

6.Self Clean Operation ฟังก์ชั่นไล่ความชื้นในคอยล์เย็น ลดการเกิดเชื้อราของแอร์

7.Allergen Clear Operation ระบบทำลายเชื้อโรคและต่อต้านสารก่อภูมิแพ้

แอร์รุ่น FUYU Series ยังเป็น อินเวอร์เตอร์แท้ทั้งระบบ ช่วยประหยัดไฟได้จริง โดยได้รับรองประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด สามดาว ประสิทธิภาพอินเวอร์เตอร์เกิดจากการใช้ แผงวงจรอัจฉริยะ PAM ควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์ เป็น คอมเพรสเซอร์กระแสตรง DC เปลี่ยนความเร็วรอบการทำงานสัมพันธ์กับอุณหภูมิในห้องได้ มี วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ EEV ควบคุมอัตราการไหลของสารทำความเย็นให้เหมาะสมที่สุด สุดท้ายคือใช้ มอเตอร์กระแสตรง ทำให้การคุมความเร็วรอบแม่นยำ พร้อมอีกความสามารถที่ทำให้ Fuyu Series โดดเด่นเรื่องการประหยัดไฟเป็นอย่างมาก ด้วย Motion Sensor ที่คอยจับความเคลื่อนไหวภายในห้อง และทำการปรับอุณหภูมิ ระดับพัดลมและโหมดการทำงานโดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถตั้งค่าให้เครื่องเข้าสู่โหมด Stand by หรือปิดอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ภายในห้องก็ได้เช่นกัน

ที่สำคัญแอร์รุ่น FUYU Series จาก Mitsubishi Heavy Duty ยังเงียบเพียง 19 เดซิเบล ซึ่งเบากว่าเสียงกระซิบของคน และการันตีรางวัลด้านงานดีไซน์จากเวที A’Design Award ประเทศอิตาลี เหมาะกับการติดตั้งภายในบ้าน พร้อมสู้ความร้อนด้วยนวัตกรรมที่สั่งสมนานนับศตวรรษจาก MHI ประเทศญี่ปุ่น และการรับประกันยาวนาน 5 ปี อุ่นใจตลอดการใช้งาน

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของ Mitsubishi Heavy Duty ได้ที่  www.mitsuheavythai.com และ https://www.facebook.com/MitsubishiHeavyDutyThailand