ในอดีตเรารู้จักแต่คลีนิค เคลียร์ หรือหากย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2519 เข้าสู่ตลาดเมืองไทยภายใต้ชื่อ “คลีนิค เคลียร์ บลู” ก่อนจะลดทอนเหลือ “คลีนิค เคลียร์” และราว 3 ปีที่ผ่านมา คลีนิค เคลียร์ ได้ออกไลน์ของผู้ชาย ใช้ชื่อว่า คลีนิค เคลียร์ ฟอร์เมน จากนั้นก็รีแบรนด์จากคลีนิค เคลียร์ เป็น “เคลียร์” ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เน้นการขจัดรังแคและดูแลหนังศีรษะสำหรับผู้หญิง และ “เคลียร์ เมน” สำหรับผู้ชาย
แม้ก่อนหน้าเราจะรับรู้ว่าเคลียร์ เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่เจาะกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเป็นผู้ชายอยู่ การนำปัญหารังแคและสภาพหนังศีรษะที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ชายไม่แพ้ผู้หญิง ได้ผลออกมาเป็นการแตกไลน์สู่เคลียร์ เมน ในบรรจุภัณฑ์สีน้ำเงินเข้ม (ขณะที่เคลียร์ใช้สีขาว) และเดินหน้าสร้างการรับรู้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
การรีแบรนด์ก็เพื่อสื่อสารถึงประสิทธิภาพในการขจัดรังแคอย่างชัดเจนไปยังกลุ่มเป้าหมายผู้ชายวัย 20-35 ปี อีกทั้งเพื่อลดภาพของการเป็นแชมพูยา ซึ่งอาจเป็น Barrier อย่างหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ต้องการพัฒนาให้คลีนิค เคลียร์ ก้าวไปสู่การเป็น Global Brand เพื่อที่จะต่อกรกับ Head&Shoulder ของพีแอนด์จีที่แข็งแกร่งกว่าในตลาดโลกด้วย
ดังนั้น สำหรับเคลียร์ เมน จึงนำ Global Strategy ที่ใช้คริสเตียนโน โรนัลโด้ นักเตะทีมชาติโปรตุเกส เป็นพรีเซ็นเตอร์ (ก่อนหน้านี้คงยังจำกันได้กับ My Name is RAIN) ขี่กระแสฟุตบอลโลก 2010 อัดทั้ง TVC และทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 30 วัน โดยเฉพาะอีเวนต์ใหญ่เตะบอลลอยฟ้าที่สนามกีฬาแห่งชาติ รวมถึงแคมเปญชิงโชคอีกด้วย เบ็ดเสร็จใช้งบไปราว 100 ล้านบาท
การสื่อสารที่เน้นถึง Product Performance เชื่อมโยงกับความสามารถทางกีฬาของโรนัลโด้ที่เป็นนักเตะแถวหน้าของโลก เพื่อฉายภาพคุณสมบัติของเคลียร์ เมน ในแง่ของการขจัดรังแคให้เด่นชัดแล้ว ยังสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์มากขึ้นด้วย
และจะให้ชัดขึ้นเอง เคลียร์ เมนจึงต้องย้ำด้วยกิจกรรมแมนๆ และภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นนักฟุตบอล (แม้โรนัลโด้จะมีกลิ่นอายของ Metrosexual อยู่ไม่น้อย) ทำให้เคลียร์ เมน เดินหน้าได้เต็บสูบ และฉีกตัวออกจากเคลียร์ ซึ่งเป็นแชมพูขจัดรังแคสำหรับผู้หญิงได้เป็นอย่างดี